วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

ผิวคุณจัดอยู่ในประเภทใด

ผิวคุณจัดอยู่ในประเภทใด

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผิวพรรณทั่วร่างกายมีพื้นที่เฉลี่ย ๑.๖-๑.๘ ตร.ม. ผิวหน้าจัดเป็นผิวที่อ่อนบางกว่าบริเวณอื่น โดยที่ผิวบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าจะหนาที่สุด คือ หนาประมาณ ๒-๔ มิลลิเมตร และสำหรับส่วนผิวที่บอบบางที่สุด คือ ผิวบริเวณริมฝีปาก และผิวบริเวณรอบดวงตา ซึ่งหนาเพียง ๐.๒-๐.๖ มิลลิเมตร

ผิวหนังเป็นส่วนที่ปกคลุมห่อหุ้มอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของร่างกายไว้เป็นอย่างดี ผิวหนังเปรียบเสมือนหน้าต่างที่จะเผชิญอันตรายต่าง ๆ จากภายนอก เช่น ความร้อน ความเย็น แสงแดด มลภาวะ การทำร้ายด้วยอาวุธต่าง ๆ ผิวหนังเป็นส่วนที่จะได้รับอันตรายก่อนอวัยวะอื่นใด

ซึ่งผิวหนังนั้น เป็นแหล่งกำเนิดของขนและเส้นผมที่อยู่ชิดกับต่อมไขมัน สำหรับปริมาณขนมีมากน้อยแตกต่างกัน เช่น ใบหน้ามีขนน้อยที่สุด และจะเป็นขนอ่อน แต่รักแร้จะมีขนจำนวนมากและเป็นที่อยู่ของต่อมกลิ่นและต่อมเหงื่อต่าง ๆ

ดังนั้น โดยสรุปแล้วหน้าที่โดยทั่วไปของขน คือ ปกคลุมร่างกาย ป้องกันอันตราย รับความรู้สึก  ควบคุมอุณหภูมิของร่ายกายโดยปรับควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายให้มีความสมดุล เป็นแหล่งสร้างวิตามินดี สำหรับไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังก็ใช้เป็นพลังงานสำรองในภาวะที่ร่างกายเกิดการขาดแคลนพลังงาน

ผิวหนังสามารถแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ หนังกำพร้า (epidermis) อยู่ชั้นนอกสุด ชั้นนี้จะมีการผลัดเซลล์เก่าไปทุก 28 วัน หนังแท้ (dermis) ซึ่งอยู่ถัดเข้ามา เป็นที่อยู่ของเส้นใยคอลลาเจน

  • เส้นใยอีลาสติน เป็นตัวก่อให้เกิดความยืดหยุ่น เป็นที่อยู่ของหลดเลือด หลอดน้ำเหลือง เส้นประสาท รากผม ขน ต่อมไขมัน
  • ต่อมไขมัน ทำหน้าที่หลั่งไขมันเพื่อหล่อลื่น และปกคลุมผิวหนังให้ชุ่มชื้น
  • ต่อมเหงื่อ (eccrine gland) มีลักษณะเป็นท่อรูปเกลียวมาเปิดบริเวณชั้นหนังกำพร้า ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและขับน้ำที่เกินความจำเป็นออกจากร่างกาย การระบายของเหงื่อทำให้รู้สึกเย็นสบาย
  • ต่อมกลิ่น (apocrine gland) พบมากบริเวณอวัยวะเพศ รักแร้ รูทวาร จะมีกลิ่นลักษณะจำเพาะ บางครั้งอาจถูกเชื้อแบคทีเรียบนผิวผสมทำปฏิกิริยาทำให้เกิด “กลิ่นเต่า” นั่นเอง

สำหรับชั้นสุดท้าย คือ ชั้นรองรับผิวหนัง ประกอบด้วยเยื่อไขมัน (adipose tissue) ทำหน้าที่ป้องกันอวัยวะภายในจากการถูกกระทบกระแทก เป็นที่สะสมไขมันของร่างกาย

ดังนั้น จะเห็นว่า ผิวหนังมีความสำคัญมากต่อร่างกาย เพราะถ้าร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงได้รับอาหารครบทั้ง ๕ หมู่ นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ ๗-๘ ชั่วโมง มีสุขภาพจิตดี ไม่เครียด ดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์วันละ ๑.๕-๒ ลิตร/วัน จะมีการแสดงออกทางผิวหนังที่แข็งแรง สวยงาม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความงามได้ในแต่ละบุคคล และถ้าอยากจะดูแลผิวหนังอย่างถูกวิธีและถูกต้อง ต้องเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักประเภทขอผิวคุณก่อน จากนั้น ก็เลือกสรรหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะแก่สภาพผิว เพราะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับผิวพรรณแต่ละประเภท จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามที่คุณต้องการ

ลักษณะผิวแต่ละประเภท

  1. ผิวธรรมดา รูขุมขนขนาดกลางมักไม่ค่อยมีปัญหาใด ๆ หลังล้างหน้าอาจมีความรู้สึกตึงบริเวณผิวแก้มบ้าง สภาพผิวทั่วไปดี ถ้าต้องการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ควรใช้ประเภทที่มีเนื้อครีมไม่มันมากเกินไป
  2. ผิวมัน ลักษณะรูขุมขนใหญ่เห็นชัด มีโอกาเกิดสิวได้ง่าย หลังจากล้างหน้าเพียง 1 ชั่วโมง จะรู้สึกว่ามีน้ำมันเคลือบบาง ๆ ทั่วผิวหน้า สร้างความกังวลให้ต้องคอยซับอยู่เสมอ ทำให้รู้สึกว่าต้องล้างหน้าบ่อย ๆ
  3. ผิวผสม ลักษณะรูขุมขนค่อนข้างใหญ่ อาจมีสิวบริเวณ “ทีโซน” (T-zone) คือ ผิวช่วงหน้าผาก จมูก และคาง อาจใช้โลชั่นเช็ดหน้าเพื่อลดความมัน และใช้ครีมที่ให้การบำรุงผิวเป็นพิเศษบริเวณแก้ม
  4. ผิวแห้ง เป็นผิวที่มีรูขุมขนขนาดเล็ก แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย และมักรู้สึกแห้งตึง ระคายเคือง หลังล้างหน้าต้องบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน รวมทั้งหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจาก ผิวพวกนี้จะเป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย และเมื่อเกิดอาการแพ้ จะพบลักษณะเป็นผื่นแดง เป็นขุย ร่วมกับมีอาการคัน

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า สภาพผิวประเภทนี้ จะเกิดขึ้นจากชั้นไขมันปกป้องผิว ซึ่งได้ปกคลุมอยู่บนผิวชั้นหนังกำพร้ามีปริมาณน้อย โดยปกติชั้นไขมันจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว และปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ รวมไปถึงอุณหภูมิ ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด เมื่อชั้นไขมันทำหน้าที่จะทำให้ผิวเปราะบาง และก่อให้เกิดอาการแพ้ต่อสารชนิดต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ทำความสะอาดที่มีความเข้มข้นสูง ควรเปลี่ยนสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและควรปกป้องผิวที่บอบบางของคุณจากมลภาวะภายนอก

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีผิวประเภทไน สไตส์การใช้ชีวิตของคุณและมลภาวะต่าง ๆ รอบตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดปัญหาผิวมีริ้วรอยก่อนวัย และทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ดังนั้น คุณควรลองสังเกตดูว่ารอบ ๆ ตัวคุณมีสิ่งใดบ้าง ที่อาจเป็นปัจจัยในการทำลายผิว บางทีผลลัพธ์ที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ อาจหมายถึง สภาพผิวที่สวยน่ามองยิ่งขึ้นของคุณก็เป็นได้นะค่ะ

โดยสรุปแล้ว สามารถสรุปพื้นฐานสำคัญของผิวสวยดูอ่อนกว่าวัย ได้ดังนี้

  1. การทานอาหารประเภท ผัก ผลไม้ ให้มาก
  2. พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด
  3. อยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และมลภาวะเป็นพิษต่าง ๆ
  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ
  5. ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ ๑.๕ ลิตร - ๒ ลิตรต่อวันเป็นอย่างน้อย)
  6. พักผ่อนด้วยการนอนหลับให้สนิทอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนอนหลับให้ได้วันละ ๘ ชั่วโมง และนอนหลับให้สนิทเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อชีวิตและผิวพรรณของคุณ เชื่อว่า การนอนหลับสนิทจะสามารถทำให้ฮอร์โมนเกิดความสมดุล ซึ่งจะเป็นเคล็ดลับที่จะทำให้คุณมีผิวพรรณสดใสมีชีวิตชีวา และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานตลอดทั้งวัน


ที่มา : ศ.ดร.นพ.ธัมม์ทิวัตถ์ นรารัตน์วันชัย

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

ปัญหาการใช้สารจากธรรมชาติ

ปัญหาการใช้สารจากธรรมชาติ

ปัญหาการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีดังนี้


  1. สารสกัดจากธรรมชาติสลายตัวง่าย มีประสิทธิภาพในการใช้ระยะสั้น
  2. สารสกัดจากธรรมชาติมักมีสารสำคัญปนกันหลายชนิด โดยที่บางครั้งแยกสกัดสารเดี่ยวบริสุทธิ์ออกมาได้ บางครั้งแยกออกจากกันลำบาก หรือบางครั้งมีสารสำคัญที่ไม่ต้องการปนมา ซึ่งแยกออกลำบาก อาจทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์กันก็ได้ ต้องทำการวิจัยทางคลินิกก่อนนำมาใช้จริง ๆ
  3. สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดมีสารสำคัญที่ต้องการในปริมาณต่ำ ทำให้ไม่คุ้มในการแยกสกัดออก เพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก
  4. ปริมาณส่วนประกอบของสารสำคัญในสารสกัดจากธรรมชาติมักไม่คงที่แน่นอน เพราะได้จากธรรมชาติ ความเข้มข้นหรือปริมาณอาจแปรผันได้ เช่น จากแหล่งกำเนิดต่างกัน จากพันธุ์ต่างกัน จากอายุต่างกัน จากสภาพการเก็บ (อุณหภูมิ) ต่างกัน เป็นต้น ทำให้อาจเกิดปัญหาในการควบคุมปริมาณและคุณภาพให้คงที่
  5. สารสกัดจากธรรมชาติโดยเฉพาะที่มีส่วนประกอบเป็นโปรตีน อาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย
  6. สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดมีกลิ่นไม่พึงปรารถนา ซึ่งกลบได้ยาก ทำให้ความนิยมในการใช้ลดลง
ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผสมสารจากธรรมชาติมักมีราคาแพง

สอบถามผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสารสกัดจากธรรมชาติเพิ่มเติม 0816518088
Website : http://yanincosmetic.com
Website : http://yanin-cosmetic.com

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีง่าย ๆ ดูแลสุขภาพเท้าด้วยตัวเอง

วิธีง่าย ๆ ดูแลสุขภาพเท้าด้วยตัวเอง

คำแนะนำง่าย ๆ ในการดูแลสุขภาพเท้าของคุณหมอสุมนัส และได้ย้ำวาควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
  1. ล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ ประมาณ 10 นาที เวลาอาบน้ำทุก ๆ วัน ซึ่งจะทำให้ผิวหนังที่เท้านุ่ม แต่อย่าขัด ถู หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้ง
  2.  เช็ดเท้าให้แห้งสนิททุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าต้องให้แห้งจริงๆ
  3. สำหรับผู้มีกลิ่นเท้า หลังจากล้างเท้าสะอาดและเช็ดให้แห้งแล้ว ควรจะโรยแป้งทาตัวให้ทั่วเท้า และซอกนิ้วเท้า รวมถึงอย่าใส่รองเท้าคับเกินไป ควรเลือกรองเท้าที่ใส่สบาย และระบายอากาศได้ ถุงเท้าควรเป็นแบบผ้าฝ้าย เพราะจะระบายอากาศได้ดีกว่าถุงเท้าไนลอน
  4. ถ้าผิวแห้ง ควรทาครีมบำรุงผิวชนิดที่ไม่มีน้ำหอมฉุนเพื่อให้ความชุ่มชื้น โดยทาบาง ๆ ให้ทั่วทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า ห้ามทาครีมบำรุงผิวบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อราได้
  5.  ถ้าเล็บยาวต้องตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธี โดยตัดตรงตามแนวของเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บตรงตามแนวขอบเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บเซาะเข้าไปด้านข้างหรือจมูกเล็บ และไม่ควรตัดเล็บสั้นเกินไป
  6. ใส่รองเท้าให้เหมาะกับโรค ควรใส่รองเท้าที่เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ เช่น ผู้ป่วยเบาหวานควรใส่รองเท้าที่ทำจากวัสดุที่มีลักษณะนิ่ม และมีแผ่นรองรับแรงกระแทกที่ฝ่าเท้า ไม่ควรใส่รองเท้าแตะชนิดที่มีสายรัดง่ามนิ้วเท้า
  7. หมั่นตรวจเท้าด้วยตนเองเป็นประจำ สังเกตสีผิว กลิ่นเท้า อุณหภูมิของเท้า และอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดเท้า มีอาการชา บวม มีเม็ดพองหรือคัน เป็นต้น โดยตรวจให้ทั่วทั้งฝ่าเท้า ส้นเท้า ซอกนิ้วเท้า และเล็บเท้า หากพบความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์
  8. ออกกำลังกายเท้า เพื่อบริหารข้อเท้าและกล้ามเนื้อเท้าอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้า ท่าบริหารทำได้โดย

    •      กระดกข้อเท้าขึ้นและลงสลับกันช้า ๆ ทำ 5-10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง
    •      หมุนข้อเท้า โดยหมุนเข้าและหมุนออกช้า ๆ ทำอย่างละ 5-10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง
    •      ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู่บนพื้นสลับกับปล่อย เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ในเท้า
    •      นั่งบนเก้าอี้ โน้มตัวไปข้าหงน้าเหยียดเข่าตึง แล้วกระดกข้อเท้าขึ้น ใช้มือจับปลายเท้าค้างไว้ นับ 1-6 ถือเป็น 1 ครั้ง ทำจนครบ 10 ครั้ง สลับทำอีกข้างหนึ่ง

ทีนี้ไม่ว่าจะแดดแรงจ้าหรือฝนตกกระหน่ำเพียงใด เท้าคู่สวยของคุณก็พร้อมลุยอย่างมั่นใจแล้วค่ะ  

ภาพจากอินเตอร์เน็ต
Website : http://yanincosmetic.com  

                      

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

สิวบอกโรค

สิวบอกโรค

หลายคนอาจคิดว่า “สิว” นั้น เป็นอุปสรรคของความงาม ปัญหาของผิวหน้า หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้ว “สิว” ยังสามารถบ่งบอกการเสียสมดุลของอวัยวะภายในร่างกายอีกด้วย วันนี้ จึงขออธิบายถึงบริเวณที่เกิดสิวกับอาการผิดปกติของร่างกาย พร้อมกับข้อแนะนำที่จะสามารถนำไปปฏิบัติตัวได้เลย

  • สิวที่บริเวณหน้าผาก 

    • เกิดขึ้นจากปริมาณพิษในตับที่ค่อนข้างมาก ความเครียดสูง ม้ามพร่อง ไฟในหัวใจมีมากเกินไป บางครั้งท้องผูกบ่อย ๆ ก็ทำให้สิวขึ้นบริเวณนี้ได้เช่นกัน 
    • สำหรับข้อแนะนำ : ไม่ควรนอนดึก ดื่มน้ำมาก ๆ ให้ตับทำงานตามเวลา เพราะตับจะขับพิษในช่วงเวลากลางคืน หรือหาวิธีปลดปล่อยความเครียดของตัวเอง เช่น การออกกำลังกายเพื่อให้เหงื่อออก เป็นต้น

  • สิวรอบปาก 

    • สิวบริเวณรอบปากมาจากอาการท้องผูก ลำไส้ร่อนรวมถึงภาวะร้อนชื้นที่เกิดในร่างกาย ทานอาหารรสเผ็ดร้อนเกินไปหรือของทอดของมัน ก็อาจจะทำให้เกิดสิวบริเวณรอบปากได้เช่นกัน 
    • สำหรับข้อแนะนำ : คนที่มีสิวรอบปากเยอะควรที่จะทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยในการทาน สามารถนวดท้องวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย การขับถ่ายจะช่วยนำพาความร้อนออกจากร่างกายได้อีกทาง

  • สิวบริเวณแก้ม 

    • มีสาเหตุมาจากระบบการขับของเสียในเลือดกับการทำงานของตับ ยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร หรืออาจจะมาจากระบบปอดมีปัญหา โดยส่วนใหญ่แลวจะเกิดจากปอดร้อนซะมากกว่า ซึ่งอาจจะมีอาการผิวคันร่วมด้วย 
    • สำหรับข้อแนะนำ : ควรใช้น้ำเย็นล้างหน้า ทานอาหารหรือผลไม้ที่มีรสเย็น เช่น สาลี่ เพราะสาลี่จะช่วยลดความร้อนในปอด ทำให้ปอดชุ่มชื้น และยังแก้ไอได้อีกด้วย พยายามรักษาสมดุลของอารมณ์ตัวเอง มั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา

  • สิวที่ขึ้นบริเวณคาง 

    • โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเสียสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ระดับฮอร์โมนเพศหญิงที่ลดลง สำหรับคุณผู้หญิงการเป็นสิวที่คางบ่อย อาจจะมีโรคที่เกี่ยวกับรังไข่ได้เช่นกัน 
    • สำหรับข้อแนะนำ : พยายามลดการดื่มน้ำเย็น หันมาดื่มน้ำอุ่นแทน ลองรับประทานผลไม้จำพวกเชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เพราะผลไม้พวกนี้จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนให้คุณผู้หญิง หรือทานน้ำเต้าหู้ทุกวันก็ได้ เพราะน้ำเต้าหู้มีฮอร์โมนเพศหญิงอยู่จำนวนมาก ซึ่งทำให้หน้าขาวใส ไร้รอยสิว หากเป็นมานานอาจจะต้องหันมาทานยาปรับฮอร์โมน

  • สิวบริเวณจมูก 

    • อาจมีผลมาจากกระเพาะอาหารร้อนเกินไป หรือระบบย่อยอาหารไม่ดี โดยทั่วไปทำให้สิวที่เกิดบนจมูกส่วนใหญ่จะเป็นสิวเสี้ยนหรือสิวหัวช้าง 
    • สำหรับข้อแนะนำ : ควรเคี้ยวข้าวให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักกว่าปกติ ทำให้อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารและลำไส้จะเกิดความร้อนสูง ทำให้เกิดสิวได้ง่าย ควรรับประทานผักหรือผลไม้ที่มีรสเย็น เช่น มะระ แตงโม ฟักเขียว เป็นต้น เพื่อลดความร้อนในกระเพาะ ไม่เป็นบ่อเกิดของสิวได้

หากพบว่า ตัวเองเป็นสิวตามตำแหน่งที่ได้กล่าวมาแล้ว ลองเอาข้อแนะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะช่วยดูแลได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุของสิวตามหลักแพทย์จีน ทำให้เรารู้ว่า นิยามของ “ความงามจากภายใน” คืออะไร นั่นก็คือ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อารมณ์แจ่มใส และร่างกายที่สมดุล เพียงเท่านี้สิวก็ไม่อาจมาแผ้วพานได้แล้ว


ที่มา : คลินิคหัวเฉียวแพทย์จีน
ภาพจากอินเตอร์เน็ต

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

คุณมีแนวโน้ม “ขึ้นคาน” รึเปล่า

คุณมีแนวโน้ม “ขึ้นคาน” รึเปล่า

ถ้าบอกว่า “แก่” ก็ดูร้ายแรงแล้วสำหรับสาว ๆ แต่นอกจากเรื่องนี้ ยังมีสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น และเชื่อแน่ว่า ไม่ว่าสาวคนไหนเป็นต้องร้องกรี๊ดทุกราย ถ้าจะมากล่าวหากันว่า “ขึ้นคาน”  และคงเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเจอ เพราะใคร ๆ ก็อยากมีความฝันที่จะแต่งงานมีผู้ชายดี ๆ สักคนมารักและดูแลกันตลอดชีวิตใช่มั๊ยล่ะ

แต่ว่า ตอนนี้...สาว ๆ ลองมาดูตัวเองก่อนดีกว่ามั๊ยว่า ผู้หญิงอย่างเรามีสิทธิ์เข้าข่ายที่จะขึ้นคานทองกับเขาบ้างหรือเปล่า ถ้าหันมาเช็คดูตัวเองสักนิด เผื่อคิดเปลี่ยนชีวิตทันนะจ๊ะ!!

อันดับแรกเลย “ไม่มีเสน่ห์เลยสักอย่าง” ถ้าไม่อยากขึ้นคานแล้วล่ะก็เกิดมาเป็นผู้หญิงต้องทำตัวให้มีเสน่ห์เข้าไว้ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่จะไม่ชอบควงผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องไปแต่งตัวโป๊ หรือโชว์นู้นแว๊บนั่น แต่นั่นหมายถึง เรื่องนิสัยใจคอ หรือความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เราควรดึงออกมาให้ผู้ชายเห็น เช่น เป็นคนสวย เป็นคนคุยเก่ง เป็นคนทำงานเก่ง เป็นคนตลก เป็นคนชอบเล่นกีฬา ชอบดูบอลแบบผู้ชาย ก็ดูทะมัดทะเมงดีไม่น้อย ฯลฯ ใครมีข้อไหนก็งัดของดีออกมาโชว์บ้าง เพื่อจะได้เป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ต่อไปในอนาคตได้ อย่างน้อย ๆ ถ้าคุณไม่มีความสามารถอะไรเลยก็ควรพัฒนาบุคลิกภาพเรื่องความสวยงามอยู่เสมอ และถ้าเป็นคนสวยก็ยิ่งดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

อย่างที่สองรองลองมา “ก้าวร้าวขี้บ่นเอาแต่ใจ” ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นเรื่องจริงที่ว่า ผู้หญิงสมัยนี้จะเก่งทันสมัย และฉลาดรอบรู้ บางทีก็เก่งกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ ซึ่งผู้หญิงส่วนมากที่เป็นแบบนี้ก็มักจะคิดว่าตัวเองนั้นเลือกได้ ไม่ต้องแคร์ใคร ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องดีถ้าคุณมีสิ่งนี้อยู่ในตัว แต่จะดีมากกว่ามั้ยถ้าคุณนำความเก่งไปใช้ประโยชน์ โดยไม่เอาความรู้ความสามารถที่คุณมีไปข่มผู้ชาย เช่น ขี้บ่น จุกจิก เอาแต่ใจ แถมยังชอบชี้นิ้วบงการเขาให้ทำตามคำสั่งเราทุกอย่าง ควบคุมพฤติกรรมการไปการกลับของเขาทุกระเบียบนิ้ว ลองเช็คตัวเองสิว่า เราเป็นแบบนั้นหรือเปล่า เพราะถ้าตอบว่า ใช่ ก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะมาอยู่ใต้การปกครองของคุณตลอดเวลาหรอก ถึงแม้ว่า เพศชายจะเป็นเพศที่แข็งแรงก็เถอะ แต่ความจริงแล้วเขาก็อยากควงสาว ๆ ที่มีอารมณ์หวานบ้างอะไรบ้างก็ดีนะ อาจไม่ต้องหวานค่ะ ขา มากมาย แต่แค่รู้จักให้เกียรติเขา รู้จักเอาใจบ้างก็พอ อย่างน้อย ๆ เวลาเขาพาไปไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ก็จะได้ภูมิใจไงล่ะ

อันดับต่อมา ก็คือ “หวังผลประโยชน์อย่างเดียว” แบบที่เรียกว่า ถ้าเธอไม่รวย ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ก็อย่ามาจีบกันให้เสียเวลาเลย! สาว ๆ ที่คิดแบบนี้ร้อยทั้งร้อยไม่ขึ้นคานก็แก่เกินที่จะได้แต่งงานค่ะ เอาเป็นว่าถ้าเจอผู้ชายที่เขานิสัยดี เรื่องอื่นๆ  ก็น่าจะพัฒนาและเดินไปพร้อม ๆ กันได้ ต่างคนก็ช่วยกันทำมาหากินมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน มีน้อยใช้น้อย มีมากก็แบ่งไว้ให้รางวัลแก่เขาบ้าง การใช้ชีวิตคู่แบบนี้จะทำให้เรามีความสุขได้เหมือนกันนะจ๊ะ
และถ้าคุณเป็นคน “ไม่กล้าแสดงออกทางความคิดเลย” ต่อให้คุณเป็นคนสวยเพอร์เฟคแค่ไหน แต่ถ้าจะเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ตลอดเวลาถามคำตอบคำ ถามว่า อยากกินอะไร ตอบได้แค่ว่า “อะไรก็ได้” แบบนี้เขาเรียกว่า “น่าเบื่อ” เพราะคุณไม่กล้าคิดไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลยสักอย่าง เอาแต่ตามตาม และตาม ก็ดูออกจะน่ารำคาญไปนะ จริงอยู่ว่าคุณต้องให้เกียรติผู้ชาย ให้เขาเป็นผู้นำบ้าง แต่การเสนอความคิดเห็นเล็ก ๆ น้อย ๆ เสนอไอเดียกิจกรรมแปลกใหม่บ้าง ก็จะทำให้คุณดูน่าสนใจ ทำให้ผู้ชายไม่เบื่อ และดูเป็นคนเฉลียวฉลาด แบบนี้สิค่อยน่าจะคบหาต่อ!

นอกจาก เช็คตัวเองแล้ว สาว ๆ ก็ไม่ควรลืมที่จะปรับเปลี่ยนบุคลิกและมุมมองเรื่องความรักให้ดูดีขึ้นด้วย อาจมีคติ หรือยึดมั่นในความเชื่อบางอย่าง เพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนความรัก เช่น “ความรัก คือ การเสียสละ” “ความรัก คือ การให้” “ความรัก คือการที่เราได้ทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน” ฯลฯ


จากนั้น คุณสาว ๆ ก็จำให้ขึ้นใจ และปฏิบัติตามให้ได้ ถ้าปรับปรุงทั้งบุคลิกทางกาย และทางใจพร้อมกันแล้ว ก็ไม่วายที่จะมีหนุ่ม ๆ มารุมล้อมดอมดมคุณอย่างแน่นอนค่ะ

ภาพจากอินเตอร์เน็ต

กินอย่างชาญฉลาด ช่วยชะลอวัยก็ได้ ต้านความแก่ก็ดี

กินอย่างชาญฉลาด ช่วยชะลอวัยก็ได้ ต้านความแก่ก็ดี

เคยมีงานวิจัยออกมาบอกว่า ในยุคปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยอายุชายไทยอยู่ที่ 68 ปี ในขณะที่ผู้หญิงเรามีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 72 ปี และมีแนวโน้มว่า คนไทยจะมีอายุยืนถึง 120 ปีกันเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ได้การันตีว่า จะอายุยืนถึง 120 ปีกันเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ได้การันตรีว่า จะอายุยืนถึงขนาดนั้นทุกคนหรอกนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่มาจากการดูแลเอาใจใส่ตัวเองทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่า การดูแลตัวเอง นอกจากเรื่องออกกำลังกายแล้ว เรื่องอาหารการกินก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลยค่ะ

จุดสำคัญของการรับประทานให้ถูกสุขลักษณะ คือ รับประทานอาหารในปริมาณที่ไม่มาก และไม่น้อยเกินไป โดยคนปกตินั้น ควรบริโภคอาหารในปริมาณ 1,400-1,500 แคลอรี่ต่อ 1 วัน และหากเป็นไปได้ในอาหารแต่ละจาน จะต้องมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ นอกจากนี้แล้ว การรับประทานอาหารไฟเบอร์เป็นประจำก็สามารถช่วยยืดอายุของเราไปได้อีกนานเช่นกัน

ในวันนี้ จึงขอนำเสนอเรื่องราวการรับประทานไฟเบอร์ที่แสนมีประโยชน์ และช่วยให้คุณมีอายุที่ยืนยาวกันนะค่ะ

“ไฟเบอร์” เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์หลักในเรื่องระบบเผาผลาญ จึงมักนิยมถูกนำมาใช้ในกระบวนการลดน้ำหนักกันอย่างแพร่หลาย แต่นอกจากไฟเบอร์จะช่วยเรื่องการลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว มันยังเป็นสารอาหารที่ถูกนำมาเป็นส่วนผสมหลักของการผลิตยาอายุวัฒนะอีกด้วย เนื่องจาก มีผลการวิจัยว่า การรับประทานไฟเบอร์เป็นประจำนั้น จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้อีก เพียงแต่ในปัจจุบันหนุ่มสาวบ้านเรามักทานอาหารกันแบบไม่ถูกสุขลักษณะกันเยอะ ทำให้ได้รับไฟเบอร์ในร่างกายไม่เพียงพอ เกิดโรคภัยและเจ็บป่วยกันมากขึ้น

ปริมาณไฟเบอร์ที่หนุ่ม ๆ ควรได้รับในแต่ละวันนั้นอยู่ที่ 35-40 กรัม ในขณะที่สาว ๆ ควรรับแค่ 25 กรัมเท่านั้น ก็จะช่วยให้เราสุขภาพดีมีหุ่นเพรียวบางไปด้วย คำถามต่อไปที่หลายคนชอบถามกันคือ แล้วอาหารประเภทไหนบ้างที่มีไฟเบอร์? หากลองสักเกตให้ดีเราจะพบเลยว่า มีอาหารอยู่หลากหลายชนิดมากมายที่มีไฟเบอร์นี่ประกอบอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมด สามารถจำแนกออกมาได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
  1. ผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล อะโวคาโด มะละกอ ส้ม แคนตาลูป ฝรั่ง มะม่วง กีวี กล้วย รวมทั้งเบอรี่บางชนิด เช่น สตรอเบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่
  2. ผัก ได้แก่ คะน้า บร็อกโคลี่ แครอท ผิวมะเขือเทศ ผิวมันฝรั่ง ผักโขม และข้าวโพด
  3. ธัญพืช ได้แก่ ข้าวโอ๊ต คอร์นเฟล็ก ขนมปังโฮลวีท ขนมปังขาว ข้าวกล้อง
  4. ถั่ว ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วพู อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เฮเซลนัต พิสตาชิโอ


อาหารที่กล่าวมานี้ หลายอย่างคุณสาว ๆ สามารถนำมารับประทานเปล่า ๆ ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลามาปรุงอาหาร อาจจะแอบเก็บใส่กระเป๋าพกไว้ทานเล่นเวลาหิว ก็เป็นของว่างระหว่างมื้อได้ดี เพราะไม่ทำให้อ้วน

นวพร เอี่ยมธีระกุล

สุขภาพดี เริ่มจากความ “คิด”

สุขภาพดี เริ่มจากความ “คิด”

สุขภาพของคนเรานั้น นับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ๆ แต่คุณสาว ๆ เคยสังเกตบ้างมั๊ยค่ะ ว่าคนที่คิดบวก ร่าเริง ยิ้มแย้ม และดูมีความสุข ส่วนมาก หรือเรียกได้ว่า แทบจะทุกคนด้วยซ้ำ มักจะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงกว่าคนทำงานหนัก เครียด พูดไม่เพราะ และอารมณ์เสียบ่อย ๆ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า การมีความสุข หรือการคิดบวกนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว!
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนต้องเจอกับอุปสรรค ความเครียด ปัญหามรสุมต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต แต่เราทุกคนก็สามารถก้าวผ่านมรสุมนั้นไปได้แน่นอน อาจมีเจ็บบ้าง หกล้มบ้างก็ถือเสียว่า เป็นบทเรียน เมื่อได้บทเรียนแล้วก็อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ค่า ให้รีบหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่ เริ่มต้นจากความคิดของตัวเองเป็นอันดับแรก โดยพยายามคิดบวก ขจัดความเครียด ทำจิตใจก็จะผ่องใส หมั่นหัวเราะเข้าไว้ เมื่อจิตใจเราทำได้ร่างกายที่แข็งแรงก็จะตามมาเองค่ะ

หากมีเวลาว่างอย่างวันหยุดพักผ่อน เสาร์อาทิตย์ก็อาจหากิจกรรมที่ชอบมาทำเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ไม่ปล่อยให้เวลาว่างแล้วต้องมานั่งคิดเองที่กำลังไม่สบายใจ และฝึกฝนให้ตัวเองไม่ได้เป็นคนไร้ค่านอนจมเวลาไปวัน ๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่แนวทางของคนที่จะมีความสุขทั้งจิตใจและร่างกายแน่นอน นอกจากนี้ การได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ นั่นก็เหมือนเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ร่างกายได้เผาผลาญ และใช้พลังงานอยู่ตลอดเวลา ผลพวงที่ดีก็คือ ได้หุ่นที่เพรียวบางเพราะเราได้เบิร์นไขมันส่วนเกินไปในตัว

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องหายห่วงก็คือ เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ เพราะเมื่อเรามีสุขใจสุขภาพกายที่ดีแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลในการเจ็บป่วยต่าง ๆ จะต้องมีมากมีน้อยแค่ไหน แต่มีข้อแม้ว่า ต้องดูแลสุขภาพจิตใจ และหมั่นออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอแบบนี้ตลอดไป เชื่อเลยว่า ไม่มีทางเสียเวลาเครียดกับเรื่องเหล่านี้หรอก แถมยังมีเงินเหลือเก็บ สามารถเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้มากมาย เช่น ท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง เสริมสวย ซื้อครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางได้อีกเยอะ


ดังนั้น สาว ๆ ทั้งหลายต้องทำจิตใจให้สดใสร่าเริงอยู่เสมอ และจำไว้ว่า เรา “ไม่เครียด ไม่เจ็บ ไม่จน” นะค่ะ คราวนี้ นอกจากเราจะมีสุขภาพจิตที่ดีแล้ว ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นของแถมอีกต่างหาก แบบนี้นี้เองที่เขาเรียกว่า “ยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว” 

นวพร เอี่ยมธีระกุล

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ฟื้นฟูผิวหลังปาร์ตี้อันสุดเหวี่ยง

ฟื้นฟูผิวหลังปาร์ตี้อันสุดเหวี่ยง

สาว ๆ เคยเป็นกันบ้างหรือเปล่าค่ะ หลังจากจบงานปาร์ตี้มาเมื่อไหร่ หน้าจะโทรม ผิวจะคล้ำ ตาจะดำเป็นหมีแพนด้า โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบอาบน้ำไม่ชอบล้างหน้าก่อนนอน ทั้ง ๆ ที่แต่งหน้าจัดเต็มมาทั้งคืน ปัญหานี้ คือ ตัวการหลักทำร้ายผิวขาวสวย ๆ ของคุณ และนอกจากนี้ สาว ๆ นักดื่มทั้งหลายรู้หรือไม่ว่าแอลกอฮอล์เป็นส่งที่ทำลายผิวคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะออกไปปาร์ตี้สุดเหวี่ยงแค่ไหน กลับมาถึงบ้านแล้วต้องปรนนิบัติพัดวีผิวของตัวเองด้วย เพราะถ้าขืนยังเอาแต่ปาร์ตี้โดยไม่ดูแลผิวเลย งานต่อไปมีหวังได้เอาหน้าโทรม ๆ ไปอวดเพื่อนแน่นอน

อัพหน้าโทรมให้สวยสวยเหมือนเดิม


เติมน้ำให้ผิว


ใครที่ดื่มแอลกอฮอล์ในงานปาร์ตี้มาหนัก ก็ควรดื่มน้ำเปล่าให้เยอะ ๆ เพื่อชดเฉยน้ำที่สูญเสียไป และช่วยให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมาได้เร็วมากขึ้น เพราะว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์นั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือดและในกล้ามเนื้อ พวกสารแปลกปลอมที่เราบริโภคเข้าไปมักมีความเข้มข้นมากกว่าเลือดของเรา น้ำที่อยู่ในชั้นผิวหนัง และกล้ามเนื้อ จึงต้องออสโมซิสเข้าไปในเลือด เพื่อที่จะทำให้เลือดมีความเข้มข้นมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถคงความเป็นปกติของระบบการไหลเวียนของระบบโลหิตไว้ได้ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผิวของเรามักแห้งกร้านเหมือนขาดน้ำหลังจาก การดื่ม  แอลกฮอลล์ โดยเฉพาะในบริเวณผิวหน้า นอกจากนี้ การดื่มน้ำผลไม้ หรือรับประทานวิตามินเสริม ก็สามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากปาร์ตี้ได้ดีเช่นกัน เพราะวิตามินในผลไม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย คนที่เน้นมากกว่ารับประทานอาหาร จึงอาจมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำเกิดร่วมขึ้นได้ จึงต้องดื่มน้ำหวาน หรือน้ำผสมผงเกลือแร่เพิ่มด้วย


แก้ไขรอยจ้ำแดง

บางคนไม่รู้ตัวว่า ทำไมผิวอยู่ดี ๆ ก็เป็นรอยแดงเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะสาเหตุจากการที่แอลกอฮอล์ในร่างกายไปขัดขวางทางเดินของเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดหดตัวจนเลือดไหลเวียนไม่สะดวก หรือเกิดจากปัญหาอื่น ๆ เช่น แพ้แอลกอฮอล์ แพ้แมลงกลางคืน แพ้ควันบุหรี่ เป็นต้น วิธีการแก้ไขสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการพอกหน้าด้วยมาส์คที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อช่วยลดการบวมแดง หรือใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นบำรุงผิวชนิดเข้มข้น รับรองว่า เช้ามาหน้าสาว ๆ จะเนียนขาวใส รอยจ้ำแดงหายไปชัวร์


ให้อาหารดวงตา (หมีแพนด้า)

ถ้านอนตื่นขึ้นมา ถ้านอนตื่นขึ้นมาแล้ว ต้องพบกับปัญหาที่ทำให้สาว ๆ ไม่สวย นั่นก็คือ ตาบวมหรือใต้ตาคล้ำ ซึ่งคงเป็นเรื่องโชคร้ายแน่ ๆ สาเหตุอันเนื่องมาจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอยู่แล้ว ทำให้น้ำที่อยู่ในร่างกายเหลือน้อยลงขึ้นไปอีก ทำให้โลหิตคั่งตรงใต้ตา ไม่กระจายไปที่อื่น พอนานเข้าจะทำให้ใต้ตาเป็นสีเข้ม และยิ่งผิวบริเวณใต้ตาบอบบางมากทำให้มองเห็นเป็นสีดำเข้มกว่าส่วนอื่น วิธีแก้ไขปัญหานี้ คือ หาถุงชากลิ่นหอม ๆ ที่ทิ้งไว้จนอุ่นแล้วมาวางลงบนเปลือกตาเพื่อช่วยลดอาการบวม หรือจะใช้วิธีง่าย ๆ อย่างแตงกวาแช่เย็นฝานบางๆ วางทับบนเปลือกตาก็ได้ แค่นี้ดวงตาก็จะสดใสผิวที่บอบบางรอบดวงตาจะกักเก็บน้ำไว้ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ควรทาครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีสารอาหารจากธรรมชาติที่จำเป็นต่อผิว เพื่อช่วยสร้างไขมันรอบดวงตา และช่วยลดอาการตาบวม แล้วหนุนศีรษะให้สูง


อย่าล้มตัวนอน ก่อนทำความสะอาด


อย่างไรก็ดี ในคืนนั้นมีการแต่งหน้าแบบจัดเต็มเป็นเวลานาน แถมยังต้องผจญภัยกับเหงื่อ ฝุ่น และควันบุหรี่มาทั้งคืน จึงแนะนำว่า ถึงจะเหนื่อยหรือดึกแค่ไหน ถ้าคุณไม่อยากให้สิวมาโผล่อยู่บนหน้าแล้วล่ะก็ ก็อย่าเพิ่งขี้เกียจล้มตัวนอนโดยที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดผิว เมื่อกลับถึงบ้านคุณควรรีบล้างหน้าให้สะอาด ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มอบความชุ่มชื้นให้กับผิวพร้อม ๆ กับขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก ตามด้วยการทาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์เริ่ด ๆ ที่ช่วยซ่อมแซมผิว สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินเพื่อให้ผิวกระชับ เต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวล ไม่แห้งร่อนเป็นขุย ที่สำคัญในวันต่อมาควรลดการแต่งหน้าที่หนาจนเกินจำเป็น เพื่อให้ผิวหน้าได้พักผ่อน

นอกจาก นี้ การมีผมที่สกปรกก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เช่นกัน เพราะนอกจากผมจะสัมผัสฝุ่นละออง ควันบุหรี่ และสิ่งสกปรกอื่น ๆ มาทั้งวันแล้ว ผลิตภัณฑ์แต่งผมก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย โดยเฉพาะคนที่นอนดิ้น เวลานอนผมจะสัมผัสกับหน้าโดยตรง เส้นผมที่เคลือบไปด้วยแวกซ์ใส่ผม และฝุ่นละอองคงโดนผิวหน้าไปเต็ม ๆ และอย่าเพิ่งไว้ใจไปหากใครไม่ทำความสะอาดผมแล้วนอน แถมบอกว่า ไม่เกิดสิว เพราะขอบอกว่า ในกรณีนี้สิวจะไม่เกิดขึ้นในทันทีทันใด แต่มักจะเกิดหลังจากวันเกิดเหตุไปแล้ว ประมาณ 5-10 วัน

ดื่มแล้วให้รีบดื่ม

ด้วยในงานปาร์ตี้ที่มากไปด้วยอาหารที่ล่อตาล่อใจ หลายคนคงทนไม่ไหว ถ้าเห็นเพื่อน ๆ ได้กินแล้วเราไม่ได้กินด้วย และเมื่อกินเราอาหารในมื้อดึกบวกกับการมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยแล้วล่ะก็ จะเป็นตัวการที่เพิ่มหน้าท้องให้แก่คุณสาว ๆ ได้ดีนักแล ถ้าตอนนี้รอบเอวคุณดูมีเป็นห่วงยางน้อย ๆ ขึ้น ตอนเช้าก็ให้รีบแก้ไขโดยผสมน้ำกับโยเกิร์ตและมะนาวเข้าด้วยกัน แล้วดื่มทันทีที่ตื่นนอน เพราะสามอย่างนี้เมื่อนำมาผสมกันแล้วจะช่วยในการระบายได้ดี หน้าท้องคุณจะเบนราบขึ้น แถมวิธีนี้ยังเป็นการดีท๊อกซ์ร่างกายภายในได้อีกด้วย หรือหากใครที่ชอบดื่มกาแฟในตอนเช้าก็ควรหาผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีสารสกัดจากธรรมชาติที่ปราศจากผลข้างเคียงดื่มก็ได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายในท่าบริหารหน้าท้อง ก็จะเป็นการช่วยให้หน้าท้องคุณแบนราบได้เร็วขึ้น

พึ่งเทคโนโลยี

หลังจากที่คุณสาว ๆ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการแดนซ์การยืนมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น สาว ๆ ที่ใส่ส้นสูงคงต้องบ่นว่า เมื่อยเท้าแน่นอน ดังนั้น การไปนวดผ่อนคลาย หรือสปา ก็เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้ และหากรู้สึกว่า ไม่สบายผิว อาจปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อพึ่งเทคโนโลยีในการกระตุ้นให้ชั้นผิวหนังกลับมาแข็งแรงหรือทำทรีทเม้นต์ก็จะเป็นการช่วยให้ผิวคุณได้พักผ่อนแถมยังดูดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย


คุณสาว ๆ เห็นมั๊ยค่ะว่า แม้จะปาร์ตี้หนักแค่ไหน คุณสาว ๆ ก็มีวิธีกลับมาสวยใสมั่นใจได้ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพนั้นต้องดูแลทั้งจากภายในและภายนอก ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และถูกหลักโภชนาการ เพื่อชะลอความเสื่อมของร่างกาย แต่สิ่งที่สำคัญหากหลีกเลี่ยงการนอนดึก งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ให้ได้ ร่างกายคุณก็จะฟิตแอนเฟิร์มไปได้อีกนานค่ะ

นวพร เอี่ยมธีระกุล
Email : yanincosmetic@hotmail.com

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

องศาเดือด...ประเทศไทย...ร้อนมาก...

องศาเดือด...ประเทศไทย...ร้อนมาก...


ฤดูร้อนปีนี้ หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงบ่นว่าร้อนๆๆๆๆ หลายคนรู้สึกว่า ประเทศไทยปีนี้อากาศร้อนขึ้นมากกว่าปกติ แม้แต่ในกรุงเทพมหานครเองก็ตาม หลายคนเริ่มหันมาเล่นน้ำสงกรานต์ยามค่ำคืนโดยให้เหตุผลว่า ทนแสงแดดจ้าในตอนกลางวันไม่ไหว ขนาดอยู่ในบ้านหรือตัวอาคารต่อให้ลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศลงจนเกือบจะถึงจุดเยือกแข็งแล้วก็ยังได้แค่บรรเทาให้อากาศภายในห้องลดลงเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเย็นเลย แต่ถ้าบ้านไหนไม่ได้ใช้เครื่องปรับอากาศ ครั้งนี้คงเข้าถึงคำพูดที่ว่า ร้อนตับแลบได้อย่างลึกซึ้ง ระหว่างวันที่นอนตากอากาศอบอ้าวราวกับอยู่ในตู้อบนั้น เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมเรารับรู้ถึงความรู้สึก “ร้อน” เรารู้สึกได้อย่างไร?

เพราะมนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่นซึ่งร่างกายมีความสามารถในการรักษาระดับอุณหภูมิในคงที่อยู่เสมอ คือ 36.5-37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของร่างกายมนุษย์จะเป็นอิสระกับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมและไม่ผกผันตามสภาพอากาศภายนอกเหมือนเช่นสัตว์เลือดเย็นอื่น ๆ ดังนั้น แล้ว ไม่ว่าอุณหภูมิภายนอกจะผกผันเพียงใด ร่างกายของเราจะยังคงรักษาอุณหภูมิไว้ทีเดิมและปรับให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น เมื่ออากาศภายนอกสูงขึ้น หรือต่ำลง จึงทำให้เรารับรู้ถึงความรู้สึกร้อนและหนาวนั่นเอง

อากาศร้อน ทำให้คนเสียชีวิตได้จริงหรือ??


โดยทั่วไปแล้วอากาศร้อนอาจไม่ได้มีผลโดยตรงกับการเสียชีวิต แต่อาจเป็นเหตุให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นร่างกายจะมีกลไกอัตโนมัติสั่งการให้มีการระบายความร้อนออกมาในรูปแบบของเหงื่อ  ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและยังมีไอเหงื่อที่ระเหยออกมาทางต่อมผิวหนังซึ่งเราไม่สามารถมองเห็น การระบายออกของเหงื่อทั้งสองชนิดนี้จะมีปริมาณมากกว่าปกติ เมื่ออากาศร้อน และการระบายออกในปริมาณที่มากขึ้นนั้นเป็นตัวการทำให้ระดับความเข้มข้นในเลือดและเกลือแร่ในร่างกายเข้มข้นเกินไป จะสังเกตได้จากการที่เรามักจะอยากดื่มน้ำมาก ๆ ในเวลาที่อากาศร้อน นั่นเป็นเพราะร่างกายต้องปรับสภาพสู่สภาวะสมดุลซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติ แต่หากร่างกายมีสภาวะเครียดจะไปกระตุ้นหัวใจให้บีบตัวแรงขึ้นและกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติบางอย่างในร่างกาย ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวทัน จึงทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไปเพียงพอ ในคนปกติหากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทันก็สามารถเป็นลมได้เช่นเดียวกัน การเป็นลมไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตได้โดยตรง แต่หากเราเป็นลมแล้วล้มศีรษะกระแทกพื้น หรือเป็นลมระหว่างที่อยู่ในน้ำก็มีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดในผู้สูงอายุ

วิธีดับกระหายคลายร้อน


อากาศร้อน ๆ มีหลายวิธีดังร้อนไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ เพราะเครื่องปรับอากาศนั้นช่วยปรับสภาพอากาศให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิของเรามากที่สุด จึงทำให้เรารู้สึกสบายตัว แต่การอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้เช่นกัน การอาบน้ำเย็นเป็นการนำความเย็นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย “แตงโม” ผลไม้ยอดฮิต แตงโมเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาความเย็นในร่างกาย ถ้าแช่เย็นได้ดียิ่งดี เพราะจะทำให้รู้สึกสดชื่น การพัดหรือเป่าพัดลม เป็นการเป่าเหงื่อบนผิวหนังให้ระเหยออกไปเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกเย็นสบาย ดังนั้น จึงควรคู่ไปกับการดื่มน้ำเย็น ๆ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากเหงื่อ นอกจากนี้ การดื่มน้ำเย็นยังช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น แต่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้งท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดหรืออ่อนเพลียจากอาการลมแดด ไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัดในทันที เพราะจะทำให้เกิดอาการตะคริวท้อง ซึ่งเป็นอันตรายมากค่ะ


ทำความรู้จักกับประเภทของครีมกันแดด

  1. Chemical Sunscreen : มีคุณสมบัติในการดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดเป็นระยะเวลาหนึ่งก็จะเสื่อมสมรรถภาพลง และนี่คือเหตุผลที่ครีมกันแดดบางยี่ห้อระบุวิธีใช้ให้เราต้องทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง
  2. Physical Sunscreen : มีส่วนประกอบหลักเป็นสารทึบแสง จึงทำให้แสงไม่สามารถส่งผ่านไปได้ แต่จะถูกสะท้อนออกมา ซึ่งข้อเสียของครีมกันแดดชนิดนี้ ก็คือ ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทาขาววอกจนเกินไป และในบางครั้งก็ก่อให้เกิดคราบขาวเวลาเหงื่อออกอีกด้วย
  3. Tanning Sunscreen : เป็นครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวคล้ำขึ้น โดยส่วนใหญ่นิยมใช้ในผู้ที่มีผิวขาวที่ต้องการมีผิวสีน้ำตาลแทนอย่างปลอดภัย

กลเม็ดเด็ดวิธีการเลือกใช้ครีมกันแดด

  1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-15.00 น.
  2. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA และ UVB
  3. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ในชีวิตประจำวัน และ SPF 30++ ในวันที่ต้องประกอบกิจกรรมกลางแจ้ง
  4. เลือกครีมกันแดดชนิดกันน้ำสำหรับกิจกรรมบางชนิด เช่น ว่ายน้ำ พายเรือ โปโลน้ำ โดยสังเกตจากบรรจุภัณฑ์ซึ่งจะมีคำว่า Waterproof ระบุไว้
  5. ฉีดหรือพ่นผลิตภัณฑ์กันแดดประเภทสเปรย์ซ้ำทุก 30 นาที เนื่องจาก ผลิตภัณฑ์กันแดดประเภทนี้นั้น สามารถล้างออกได้ง่ายดายด้วยน้ำ และมีประสิทธิภาพความคงทนบนผิวหนังน้อยกว่าชนิดครีมและโลชั่น
  6. ทาครีมกันแดดในปริมาณที่หนาเพียงพอที่จะปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต และอย่าลืมทาในบริเวณที่ถูกแสงแดดเผาได้ง่าย เช่น จมูกและท้ายทอย
  7. ทาครีมกันแดดอย่างน้อย 20-30 นาที ก่อนออกแดด และควรทาซ้ำทุก ๆ 90 นาทีหรือ 2 ชั่วโมง เมื่อต้องการประกอบกิจกรรมกลางแจ้งอย่างต่อเนื่อง
  8. อ่านฉลากที่ติดอยู่กับบรรจุภัณฑ์ให้ละเอียด ถึงวิธีการใช้และส่วนประกอบของครีมกันแดดนั้น ๆ
  9. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีสารป้องกัน UVA ได้ดีอย่างน้อย 2 ชนิด ได้แก่ XL Tinosorb M, S Oxybenzone Parsol 1789 TiO2, ZnO Mexoryl SX เป็นต้น


นวพร เอี่ยมธีระกุล
สอบถามครีมกันแดดเพิ่มเติม 0816518088
Email : yanincosmetic@hotmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

รับมืออย่างไรเมื่อหน้าร้อน...มาเยือน

รับมืออย่างไรเมื่อหน้าร้อน...มาเยือน

ในปีนี้ มีการคาดการณ์กันว่า สภาพอากาศจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา ทำให้ประชาชนต้องระวังโรคสุขภาพมากขึ้น หลายคนมักมีอาการไม่สบายบ่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นโรคทางเดินอาหาร โรคที่ประชาชนกังวล คือ โรคลมแดด หรือฮีตสโตรก เพื่อไม่ให้หน้าร้อนมาบั่นทอนสุขภาพกาย และลามไปสู่สภาพจิตใจ จึงมีวิธีดูแลสุขภาพรับมือหน้าร้อนมาฝาก เพื่อความปลอดภัยห่างไกลการเจ็บป่วย

ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เนื่องจาก หน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก ควรหลีกเลี่ยงน้ำหวาน เพราะจะยิ่งทำให้กระหายน้ำมากขึ้น อาจดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำสมุนไพรที่มีรสไม่หวานจัดแทน

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจาก จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น อาจทำให้เกิดการขาดน้ำ นอกจากนี้ ในหน้าร้อนแอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว ทำให้เมาง่าย และอาจช็อกหมดสติได้

สำหรับอาหารที่เหมาะในหน้าร้อน คือ อาหารรสขมเย็น เช่น แฟง มะระ สะเดา ช่วยลดความร้อนในร่างกาย นอกจากนี้ ควรเลือกทานอาหารที่สะอาด สด ใหม่ เพื่อป้องกันการเกิดโรคทางเดินอาหารในหน้าร้อน และที่สำคัญ อย่าออกกำลังกายหักโหม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือแดดเปรี้ยง จะทำให้เจ็บป่วยง่ายขึ้น การออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-4 วัน ประมาณครึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค

สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายความร้อนได้ง่าย และดูแลความสะอาดของร่ายกายไม่ให้เกิดการอับชื้น หากเกิดผดผื่นคันควรปรึกษาแพทย์

ทุกครั้งเมื่อออกกลางแจ้ง หรือในที่แดดแรง ๆ ควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด เพื่อป้องกันการเกิดผิวไหม้จากการได้รับแสงแดดมากเกินไป และควรสวมแว่นกันแดดเพื่อปกป้องสายตา



เมื่อดูแลสุขภาพกายกันแล้ว เพื่อน ๆ ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพใจกันด้วย ไม่หงุดหงิดไปกับสภาพอากาศ และอย่ายอมให้ความร้อนมาบั่นทอนสุขภาพเราได้ 

นวพร เอี่ยมธีระกุล 
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต 
Email : yanincosmetic@hotmail.com