วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

SPF มีผลต่อการป้องกันแสงแดด...



ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยเรานั้น การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะเด็ก ๆ ไม่ควรปล่อยให้โดนแสงแดดโดยตรง เพราะมีข้อมูลว่า การได้รับแสงแดดมากเกินไปตั้งแต่เด็ก ๆ อาจก่อให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนังได้ จึงควรเริ่มใช้ครีมกันแดดตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อย ปฏิบัติให้เป็นประจำและสม่ำเสมอ สำหรับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด (ครีมกันแดด) ต้องพิถีพิถันพอสมควร เนื่องจาก ขณะใช้จะต้องทาครีมกันแดดในปริมาณมาก ครีมกันแดดจะสัมผัสผิวกายในบริเวณกว้างเป็นเวลานาน และบริเวณที่ทายังมีโอกาสโดนแสงแดดอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้มากกว่าเครื่องสำอางประเภทอื่น ๆ ดังนั้น ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใดเป็นครั้งแรก ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ ด้วยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยบริเวณใต้ท้องแขน ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น แสดงว่า ใช้ได้

Sun Protection Factor (SPF) เป็นตัวบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด ทำให้รู้ว่า เมื่อใช้เครื่องสำอางตัวนั้นแล้ว ผิวหนังของเราจะถูกแสงแดดได้นานแค่ไหน ผิวถึงจะไม่ไหม้ ยกตัวอย่างเช่น โดยปกติคนเราโดนแสงแดดได้นาน 10 นาที ถึงจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรืออาการผิวหนังไหม้ แต่เมื่อทาเครื่องสำอางที่ผสมสารป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF 15 บนผิวหนัง ก็จะสามารถถูกแสงแดดได้นานถึง 15 เท่า ก็คือ 150 นาที โดยที่ผิวไม่ไหม้

ถึงแม้ว่า ค่า SPF สูงแค่ไหนก็ไม่สามารถป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยเหี่ยวย่นและมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น นอกจาก จะต้องดูค่า SPF แล้ว จะต้องดูว่า ป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ได้ด้วย จึงจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้มากขึ้น ซึ่งดูได้จากฉลากที่ระบุข้อความไว้ เช่น ป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ได้ หรือถ้าหากไม่ระบุข้อความดังกล่าวให้ดูที่ส่วนประกอบที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถดูดซับรังสียูวีเอ (UVA) ได้ เช่น เอโวเบนโซน ออกซิเบนโซน โซนเมนทิลแอนทรานิเลต เป็นต้น หรือจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารที่สามารถสะท้อนรังสีได้ทั้งยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) เช่น ติตาเนียม ไดออกไซต์ และซิงก์ออกไซต์ ก็ได้



สำหรับการใช้ SPF ให้มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น มีเหงื่อออก ระหว่างทำกิจกรรมกลางแจ้ง ว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมใดก็แล้วแต่ที่ทำให้เครื่องสำอางถูกชะล้างออกจากผิวหนัง ควรทาเครื่องสำอางซ้ำบ่อย ๆ ทุก 2 ชั่วโมง เพราะประสิทธิภาพของสภาพพื้นที่ ปริมาณแสงแดด ถ้าอยู่ในแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน ๆ เครื่องสำอางที่มีค่า SPF ยิ่งมากยิ่งทำให้ระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดนานขึ้นตามลำดับ
อนึ่ง ปัญหาจากการใช้เครื่องสำอางกลุ่มนี้ คือ ผู้ใช้ใช้ไม่ถูกวิธี เช่น ใช้น้อยเกินไป ในกรณีที่เหงื่อออกมาก หรือว่ายน้ำ ไม่มีการทาซ้ำ จึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF สูงเกินความจำเป็น เช่น อยู่ในสำนักงานทั้งวัน แต่ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ซึ่งมี SPF ยิ่งสูงยิ่งมีราคาแพงจึงไม่คุ้มค่ากับราคาของผลิตภัณฑ์ที่สูญเสียไป


อย่างไรก็ตาม การใช้ครีมกันแดดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่แสงแดดจ้า คือ ช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. หากจำเป็นก็ควรอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด หรืออยู่ในร่มเงา เมื่ออยู่กลางแจ้งควรสวมหมวกปีกกว้าง สวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมิดชิด รวมทั้งสวมแว่นกันแดด ด้วยเพราะขณะนี้ พบว่า รังสี UV เป็นสาเหตุหนึ่งของต้อกระจกได้




ครีมกันแดดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปริมาณแสงแดด และสภาพผิวหนัง ดังนั้น ก่อนเลือกใช้ควรอ่านฉลากให้ละเอียด และทดสอบการแพ้ก่อนใช้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เหมาะสม และคุ้มค่าจากการใช้ผลิตภัณฑ์


สอบถามเพิ่มเติม 0816518088

รายละเอียดผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดญานินเพ่ิมเติม : ครีมกันแดด SPF60/PA+++
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดญานินเพ่ิมเติม : ครีมกันแดด SPF50/PA++

สอบถามเพิ่มเติม 0816518088





ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สารสกัดจากว่านหางจระเข้


สารสกัดจากว่านหางจระเข้

ปัจจุบันโลกกำลังผจญกับสภาวะโลกร้อน ทำให้เราต้องเผชิญกับแสงแดดมากขึ้น ซึ่งแสงแดดนี้คือต้นเหตุของปัญหาต่าง ๆ มากมาย อาทิ เป็นต้นสายปลายเหตุของการไหม้บนผิวหนัง การเกิดริ้วรอยก่อนวัย ตลอดจนเป็นต้นสายปลายเหตุของมะเร็งผิวหนัง เพราะว่าตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวมา เป็น รังสี ultraviolet (UV) ที่มากับแสงแดดนั่นเอง รังสี UV แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ UVA , UVB และ UVC แต่ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ผิวหนังก็คือ รังสี UVA และ UVB เราจึงควรจะมีการป้องกันผิวจากรังสีดังกล่าว

เพราะทางเลือกที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ คือ ครีมกันแดดซึ่งมีองค์ประกอบหลัก คือ สารกันแดด ซึ่งสารกันแดดแยกออกได้เป็น 3 ประเภท ตามกลไกการทำงานดังนี้
  1. สารกันแดดแบบกายภาพ (Physical blockers) ทำหน้าที่สะท้อนหรือหักเหรังสี UV ได้แก่ titanium dioxide (TiO2) และ zinc oxide (ZnO)
  2. สารกันแดดแบบเคมี (Chemical absorbers) ทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV ให้มีความเข้มน้อยลงเมื่อผ่านลงสู่ผิวหนัง ได้แก่ benzophenhone-3 (Oxybenzone), butylmethoxydlbenzoylmethane (Avobenzone)
  3. Hybrid (Organic particulates) สารกลุ่มนี้ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ เป็นสารกันแดดที่ทำหน้าที่สะท้อนและดูดซับรังสี UV ได้ทั้งสองอย่างในตัวเอง ได้แก่ Bis-BenzotriazolylTetramethylbutylphenol หรือ Tinosorb® M


ปัจจุบันพบว่า แนวโน้มของการใช้สารเคมีลดลง โดยคนส่วนใหญ่หันไปให้ความสนใจกับสารธรรมชาติมากขึ้น จึงมีการคิดค้นสารกันแดดจากธรรมชาติ เพราะส่วนมากมักได้จากพืช ตัวอย่างเช่น น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว สารสกัดจากชะเอมเทศ สารสกัดจากอบเชย สารสกัดจากทับทิม สารสกัดจากขมิ้น สารสกัดต้นหม่อน และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ จากการศึกษา พบว่า สารสกัดเหล่านี้ นอกจากนี้จักช่วยป้องกันรังสี UV ได้แล้ว ยังมีสรรพคุณอื่น ๆ อีก อาทิเช่น antioxidant (สารต้านอนุมูลอิสระ), anti-aging (การชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ) และ anti-inflammation (ต้านการอักเสบ)

Aloe vera สารสกัดว่านหางจระเข้ จากการศึกษาวิจัย พบว่า ส่วน aloe gel โดยสารที่พบได้ใน aloe gel เป็นสารจำพวก polysaccharides (สารพอลิแซ็กคาไรด์) , glycoproteins (สารไกลโคโปรตีน) , anthraquinone (สารแอนทราควิโนน) และยังมีเอนไซม์บางประเภทที่มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ

จากการศึกษาทางคลินิกพบว่า aloe gel มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาอาการไหม้ ด้วยเหตุที่ ความร้อนและรังสี โดยการทดสอบในหนูทดลอง พบว่า aloe gel สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด และลดการเกิดกระบวนการอักเสบได้ เพราะว่าจะทำให้กลไกการเกิดการอักเสบช้าลง และเพิ่มระยะเวลาในการปรับสภาพเซลล์ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าหลังจากโดนรังสี และความร้อนเผาไหม้ สำหรับผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากรังสี พบว่า aloe gel สามารถป้องกันเซลล์ผิวหนังจากการทำลายจากรังสีแกมม่า รังสี x-ray และรังสี UVB ในหนูทดลอง โดย aloe gel สามารถลดการเกิดกระบวนการดูดซับรังสี UVB ของเซลล์ในระบบภูมิต้านทานที่ผิวหนังในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าได้ จึงส่งผลทำให้เกิดการหลั่งภูมิคุ้มกัน และทำให้อาการแพ้ลดลง นอกจากนี้ aloe gel ยังสามารถจำกัดอนุมูลอิสระ (Scavenge free radicals) ได้อีกด้วย

จากการศึกษา ยังพบว่า ความเข้มข้นของ aloe gel ในสูตรต้นตำรับที่เหมาะสมในการรักษาแผลไหม้ เนื่องจาก ถูกความร้อนและรังสีนั้น ควรมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของตำรับ และยังพบว่า aloe vera ยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดการไหม้ เพราะว่าแสงแดดได้ โดยสามารถช่วยดูดซับรังสีในช่วงความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงความยาวคลื่นที่มีผลต่อกระบวนการ melanogenesis หรือกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ส่งผลทำให้สีผิวคล้ำขึ้นได้


จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า สารสกัดจากว่านหางจระเข้หมายถึงสารจากธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้เป็นสารกันแดดในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ ช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอาการระคายเคือง ช่วยป้องกันการเกิดการไหม้จากแสงแดด 

นวพร เอี่ยมธีระกุล 
สอบถามเพิ่มเติม 0816518088 

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สบู่แบบไหน!!!...ใช่ตัวคุณ...

สบู่แบบไหน...ใช่ตัวคุณ...

ณ ท้องตลาดทั้งปวงวันนี้ มีสบู่มากมายหลายประเภทวางจำหน่าย ซึ่งสบู่เกือบจักเป็นผลิตภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในการใช้ทำความสะอาดผิวหนัง เหตุเพราะ มีใช้มาเป็นเวลานานหลายพันปีกลับการเลือกใช้สบู่ที่เหมาะสม จักช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ได้แก่ อาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหนังเกิดผื่น ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส หรือถึงแม้การทำให้ผิวหนังไวต่อสารเคมีชนิดอื่น ๆ

เพราะทั่วไปแล้ว สบู่จะผลิตจากขบวนการซาโปนิฟิเคชั่น (Saponification) ของไขมันพืชกับสัตว์ สบู่มีคุณสมบัติละลายพร้อมทั้งชำระออกด้วยน้ำ และสบู่อาจจะมีส่วนผสมของน้ำหอม หรือสี เพื่อให้ได้กลิ่นหรือสีตามที่ต้องการ สบู่มีมากมายชนิด ทั้ง สบู่ก้อน สบู่เหลว สบู่ไร้ฟอง ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใช้ ซึ่งสบู่ที่ดีควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (PH) เป็นกลาง

ทีนี้ ถ้าฉันลองมาดูชนิดของสบู่ที่เห็นโดยทั่วไป ซึ่งก็จะมีสบู่ก้อน สบู่ชนิดอ่อน สบู่เหลว และซินเดท แต่คุณทราบหรือไม่จ้ะ ว่าสบู่ชนิดไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
  1. สบู่ก้อน (Hard soap) รูปพรรณสัณฐานเป็นก้อนสีขาว หรือเทาขาว เมื่อเวลาแห้งและเย็น มีโซดาเป็นส่วนประกอบหลัก
    และมีเกลือโปแตสเซี่ยมของกรดไขมัน ใช้สำหรับภายนอกเท่านั้น ซึ่งเราสามารถหาซื้อง่าย ราคาถูก
  2. สบู่ชนิดอ่อน (Soft soap) รูปพรรณคล้ายขี้ผึ้งหรือเยลลี่ (Jelly) สีเหลืองใส ทำด้วยน้ำมันมะกอกและโซดา
  3. สบู่เหลว (liquid soap) มีส่วนประกอบของเกลือโปแตสเซี่ยมของกรดไขมัน และอาจมีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก เมล็ดถั่ว เมล็ดฝ้าย
  4. ซินเดท (synndet) เป็นสบู่ที่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง
นอกจากนี้ อาจจักมีสบู่ชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีองค์ประกอบแตกต่างกันไปตามจุดมุ่งหมายการใช้ เช่น สบู่ยาที่มีส่วนผสมของไทรโคลซาน (triclosan) และไทรโคคาร์บอน (trichocarbon) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของแบคทีเรีย สบู่ที่มีส่วนผสมของ lanolin เพื่อที่จะทำให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น ซึ่งการเลือกใช้สบู่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของผิวหนังและเป้าหมายของการใช้เป็นหลัก ผู้ที่มีกลิ่นกายแรงก็อาจเลือกใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบของ Lanolin เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สบู่จะมีฤทธิ์ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ทำให้ผิวหนังมีลักษณะแห้งลอกเป็นขุย หรือเหี่ยว ถ้าเป็นมากอาจมีรอยแตกเกิดขึ้นบนผิวหนังได้ โดยทั่วไป คนที่มีผิวหนังปกติจะไม่เกิดปัญหานี้ นอกจากใช้สบู่บ่อยครั้งจนเกินไป การใช้สบู่บ่อยครั้งเกินไป อาจจักทำให้เกิดการสูญเสียชั้นไขมันที่เคลือบอยู่ที่ผิวหนัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นรั้วที่คอยป้องกันไม่ให้สารเคมีจากภายนอกร่างกาย มาทำอันตรายต่อผิวหนังได้ พร้อมด้วยจะทำให้เกิดการระคายเคือง หรือผื่นผิวหนังอักเสบตามมาได้

โดยหน้าที่หลัก ๆ ของสบู่ลงความว่า ทำความสะอาดผิว รองลงมาคือ การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ฆ่าเชื้อโรค และเพิ่มความหอมให้ผิวขาวสวยของคุณ!!!

รู้แบบนี้แล้ว หนต่อไปหากคิดจักซื้อสบู่ ลองถามตัวเองดูว่าต้องการสบู่อย่างไหนดูนะจ๋า


สอบถามเพิ่มเติม 0816518088







วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กระทั่ง กระ ฝ้า ทำหน้าหมอง



ผิวหน้าเนียนใสปราศจากรอยด่างดำ สาว ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามจะทำอย่างไรล่ะ สมมตบนใบหน้าของคุณมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างกระ พร้อมด้วยฝ้า ซึ่งทำให้สาว ๆ ผู้ที่ประสบปัญหาดังกล่าวเกิดความกังวลใจ ร่วมกับค่านิยมในสังคมที่ชอบลักษณะใบหน้าขาวใส ไร้จุดด่างดำ

กระและฝ้านั้น เกิดจากการความพิลึกของเซลล์สร้างที่เม็ดสี ซึ่งทำหน้าที่ในการผลิตเม็ดสี (melanin) และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก จึ่งทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือการเกิดผื่นสีน้ำตาลขึ้นบนใบหน้านั่นเอง เพราะที่กระนั้นจะมีขนาดเล็กพร้อมทั้งขึ้นกระจายทั่วใบหน้า และบริเวณที่แตะต้องแสงแดดเป็นประจำ ทั้งนี้ก็อาจเกิดจากพันธุกรรมร่วมด้วย ในบางคนก็เริ่มมีกระขึ้นประปรายตั้งแต่เด็ก พร้อมกับกระจะเพิ่มปริมาณพร้อมด้วยมีสีเข้มขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

พวกฝ้าจักแลดูเป็นรอยสีคล้ำบริเวณใบหน้า เพราะว่าเฉพาะบริเวณที่ถูกแสงแดด ได้แก่ โหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก โดยมากเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย พบค่อนข้างมากในผู้หญิงวัยกลางคน อายุคร่าวๆ 30-40 ปี สาเหตุการเกิดฝ้ามีหลายอย่าง ได้แก่ การสัมผัสกับแสงแดด การใช้ฮอร์โมน ยารับประทานบางชนิด เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน พันธุกรรมและเชื้อชาติ และการขาดสารอาหารเป็นอาทิ

เพราะว่าในการที่จะรักษากระพร้อมด้วยฝ้าให้หายขาดนั้น เป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว ดังนี้เพราะเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยที่มากระตุ้นให้เกิดกระหรือฝ้าได้อย่างจริงจัง อย่างกับ หลีกเลี่ยงแสงแดด


ดังนั้น ทาครีมกันแดดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จะสามารถช่วยลดปัญหาตรงนี้ลงไปได้มากทีเดียว พร้อมทั้งรักษาโดยใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารลดเม็ดสี (Depigmentation agent) เพื่อใช้ในการปรับสีผิวให้ผิวขาวขึ้น ตัวอย่างเช่น Lactic acid เป็นต้น สารเหล่านี้จะไปยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการเกิดเม็ดสี จึงสามารถลดการเกิดเม็ดสีได้ ส่วนการรักษาด้วยยานั้นก็สามารถทำได้ ก็แค่ต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์นะค่ะ หวังว่า สาว ๆทุกคนจะมีผิวขาวใสใสกันทั่วหน้านะจ้ะ

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กลิ่นกาย...ป้องกันได้ ง่ายนิดเดียว




ญานินสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย-สบู่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย-สบู่ดับกลิ่นกาย

“กลิ่นกาย” นับเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนบุคลิกภาพของเราลงไปไม่น้อย ทว่า หากกลิ่นที่ออกมาจากร่างกายเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว คงสร้างความลำบากใจให้ทั้งคนที่อยู่รอบข้าง และเจ้าของกลิ่นได้ไม่น้อย บางครั้งก็ทำให้หมดความมั่นใจไปเลยทีเดียว บางคนมีกลิ่นกายแรง แม้จะใช้น้ำยาดับกลิ่นก็ยังช่วยไม่ได้ผลเท่าใดนัก

ก่อนอื่น เราควรจะรู้ถึงต้นตอของปัญหากันซะก่อน จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เรามาดูกันดีกว่าว่า “กลิ่นกาย” นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร

จริง ๆ แล้วบางคนอาจไม่ได้มีกลิ่นตัวแรงเท่าไหร่ แต่ติดที่จะใช้น้ำยาระงับกลิ่น เพื่อเพิ่มความหอมและความมั่นใจให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะรู้ว่า คุณควรจะใช้น้ำยาระงับกลิ่นกายหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ให้คุณลองสังเกตขี้หูของตัวเองดู หากขี้หูแห้งมีลักษณะเป็นแผ่นสีขาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำยาระงับกลิ่นกายแต่อย่างใด เนื่องจาก คุณไม่ค่อยมีกลิ่นตัวเท่าไหร่ แต่ถ้าขี้หูของคุณเป็นสีคล้ำ แถมเหนียว และเปียกอีกต่างหาก คุณก็ควรจะหาวิธีลดกลิ่นตัว

โดย สาเหตุของ “กลิ่นกาย” พบว่า เกิดได้จาก “ต่อมเหงื่อ” และ “ต่อมไขมัน” ที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ต่อมไขมันบริเวณรักแร้ ขาหนีบ จะขับเหงื่อและไขมันออกมาที่ผิวหนังด้านนอก ทำให้เกิดกลิ่นกายธรรมชาติของแต่ละบุคคล ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ เช่น คนผิวดำอาจจะมีกลิ่นกายแรงกว่าคนผิวขาว นั่นก็เพราะว่าคนผิวดำมีต่อมกลิ่นขนาดใหญ่กว่านั่นเอง อาหารบางชนิด เช่น เครื่องเทศและอาหารที่มีสารโคลีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ พืชประเภทฝักถั่ว หัวหอม เต้าเจี้ยว ผักชี แกงกระหรี่ แฮม ปลาทูน่า ฯลฯ รวมไปถึงอาหารที่มีรสจัดก็ล้วนแต่เป็นตัวบงการทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึง ประสงค์ได้

โดยอีกสาเหตุหนึ่งของกลิ่นกายที่สำคัญ คือ “อารมณ์” จากความเครียด ความโกธร หรืออาการตกใจ หลายคนอาจไม่รู้ว่า อารมณ์นั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์ได้ ทำให้ต่อมเหงื่อขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ คุณอาจจะเห็นบางคนเหงื่อเปียกชุ่มตามรักแร้ ขาหนีบ หรือมือ ก่อนหรือในขณะทำภารกิจสำคัญอะไรบางอย่าง เช่น การเตรียมตัวพรีเซนต์งาน การสัมภาษณ์งาน การเข้าสอบ เป็นต้น นั่นเป็นเพราะเกิดความเครียดและมีความกดดัน จึงทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมามาก และยิ่งเหงื่อออกมามากเท่าไหร่ก็จะพลอยส่งกลิ่นรบกวนคนรอบข้างมากตามไปด้วย และสำหรับวัยรุ่นนั้น วัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอย่างมาก “ฮอร์โมน” จึงอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน

อย่าง ไรก็ดี หากคุณดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้าอย่างสม่ำเสมอ หมั่นดูแลเป็นพิเศษในบริเวณอับชื้น เช่น เท้า ข้อพับ แขน ขา รักแร้ ขาหนีบ แหม!!! อ่านแล้วอาจรู้สึกว่า ทำไมเยอะจัง แต่ผลที่ได้มาจากการดูแลก็คุ้มค่าน่าลงทุนนะค่ะ ...

ญานินสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย-สบู่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย-สบู่ระงับกลิ่นกาย

..แต่!! ยังค่ะ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น การใช้ยาระงับเหงื่อ หรือสารส้มทารักแร้ หรือการใช้สบู่ฆ่าเชื้อ สบู่ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ หรือมีกลิ่นแรง ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยการเลือกใช้สบู่ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และเน้นฟอกบริเวณที่มีการหมักหมมของเหงื่อ เพื่อขจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น แต่ในกรณีที่อาบน้ำดีแล้วยังมีกลิ่นตัวอยู่ ก็ต้องแก้ไขโดยทำให้เหงื่อหรือไขมันออกน้อยลง ซึ่งหากคุณรู้ว่า เป็นคนที่เหงื่อออกง่าย หรือออกมากอยู่แล้ว ก็ควรจะระวังอย่าให้เหงื่อออก ให้เลือกอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทมาก ๆ ไม่งั้นลมโชยมาทีคนรอบข้างอาจสลบ เพราะ กลิ่นเปรี้ยวของคุณก็ได้


ญานิน-สบู่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย-สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย-สบู่กำจัดกลิ่นกาย

อ้อ !!! บาง คนเป็นโรคตับ โรคไต ก็อาจเป็นสาเหตุให้มีกลิ่นกายแปลก ๆ ได้ หากไม่แน่ใจว่า กลิ่นกายนั้น มีสาเหตุจากสิ่งใดก็ควรต้องปรึกษาแพทย์ ก่อนที่ใคร ๆ จะเดินหลีกไกลนะค่ะ


นวพร เอี่ยมธีระกุล
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
http://yanincosmeticbangkok.com

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

หน้าสวย หน้าพัง เพราะเครื่องสำอาง


หน้าสวย หน้าพัง เพราะเครื่องสำอาง

ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเครื่องสำอางเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับสาว ๆนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้เราดูสวยขึ้นแล้ว ยังทำให้ดูมีเสน่ห์เป็นที่ต้องตาต้องใจแก่ผู้พบเห็น

ในปัจจุบันเครื่องสำอางมีมากมายหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อเลือกใช้ตามความพึงพอใจและสะตุ้งสตางค์ในกระเป๋า ในเครื่องสำอางนั้นมีส่วนผสมมากมายหลายชนิด ซึ่งส่วนผสมบางตัวก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

วิธีทดสอบว่าแพ้เครื่องสำอางหรือไม่ โดยการทาเครื่องสำอางที่เกรงว่า จะแพ้บริเวณใต้ท้องแขนกว้าง 3 เซนติเมตร ทาเช้า – เย็น ต่อเนื่องกันนาน 7 วัน หลังจากนั้น ดูว่า มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ได้ หากมีอาการแพ้จะเกิดอาการคันยุบยิบบริเวณที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอาง อาจเกิดตุ่มแดง หรือผื่นแดง ปวดแสบร้อน ในบางรายอาจเกิดผื่นลมพิษ

ไม่แนะนำให้เครื่องสำอางใหม่หลาย ๆ ตัวพร้อมกัน เพราะหากเกิดการแพ้ จะทำให้คุณไม่ทราบว่าแพ้จากเครื่องสำอางตัวใด

น่ากลัวจริง ๆ นะค่ะ!!!


อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอันตรายดังกล่าว ให้ลองสังเกตดูว่า เมื่อใช้เครื่องสำอางแล้วมีอาการดังที่กล่าวไว้หรือไม่ หากมีอาการใกล้เคียง แต่ไม่แน่ใจว่า ใช่อาการแพ้หรือไม่ ให้หยุดใช้เครื่องสำอางที่เข้าข่ายต้องสงสัยเหล่านั้นซะ ถ้าหลังจากหยุดใช้เครื่องสำอางชนิดนั้นแล้ว ผิวหน้าของคุณดีขึ้น ก็แสดงว่า คุณแพ้เครื่องสำอางชนิดนั้นเข้าให้แล้ว แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเร็วที่สุดนะค่ะ จะได้รับการรักษาได้ทันท่วงที แล้วผิวหน้าสวย ๆ ก็จะอยู่คู่คุณไปอีกนาน ๆ ไงค่ะ
yanincosmeticbangkok.com

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เปลี่ยนหน้า สิว สิว ให้เป็นหน้า ใส ใส




ดังนั้น เมื่อบรรดาปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็น สิวเสี้ยน สิวผด สิวหัวดำ สิวอุดตัน สิวอักเสบ โดยเฉพาะเจ้าสิวเสี้ยนเป็นปัญหาสำคัญของวัยรุ่น เพราะทำให้รู้สึกว่า “หน้าไม่ใส” “ไม่เรียบเนียน” แถมบางทีก็ยังดูหมอง ๆ อีกต่างหาก

อู้ย!!! จิปาถะสิว มารบกวนใบหน้าขาวสวยใสของคุณสาว ๆ อย่ามัวแต่ตกใจกันเลยค่ะ มาดูวิธีแก้ปัญหากันเถอะค่ะ

อย่างไรก็ตาม “สิว” จะเกิดได้กับคนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น จะเป็นสิวมากเป็นพิเศษ ตัวการสำคัญของการเกิดสิว ก็คือ การอุดตันของท่อไขมันและรูขุมขน โดยมีปัจจัยอื่น อย่างเช่น พันธุกรรม ระบบฮอร์โมน สิ่งแวดล้อม ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การแพ้เครื่องสำอาง ฯลฯ

แล้วเราจะทำอย่างไรให้สิวหายล่ะ...

ไม่ยากเลยค่ะ เพียงคุณสาว ๆ หมั่นดูแลรักษาความสะอาดของใบหน้า ข้อควรจำ :อย่าบีบแกะสิว (สำคัญมากนะค่ะ) เพราะการบีบหรือแกะสิว จะทำให้สิวอักเสบมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการนวดหรือขัดหน้าขณะที่มีสิว หลีกเลี่ยงการใช้สครับหน้าขณะมีสิว เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น


อย่างไรก็ดี ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสมกับผิวของเรา หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ใส่ผม หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมเหนอะหนะ เพราะอาจเป็นสาเหตุของการระคายเคืองผิว และทำให้เกิดสิวได้ และนอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีคลายเครียด และหลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่เป็นฝุ่นควัน แต่ถ้าพยายามทำจนถึงขั้นนี้แล้ว สิวก็ยังไม่หายสักที ควรรับการรักษาจากแพทย์โดยตรงจะดีกว่านะค่ะ เท่านี้ก็เพื่อให้หน้า สิว สิว เปลี่ยนเป็นหน้าใส ใส ไว ไว ยังไงล่ะค่ะ

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรื่องของสตรีมีคัน



คัน คัน คัน มีใครไม่เคยคันบ้างไหมค่ะ????
“คัน” เป็นความรู้สึกถึงความอยากเกาบนผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย หากเกามาก ๆ จะทำให้เกิดรอยถลอกบริเวณที่เกา อาจเกิดการติดเชื้อได้ อาการคันเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ถูกแมลงกัดต่อย การแพ้พืช แพ้อาหาร แพ้สารเคมี การเป็นลมพิษ ผิวแห้งเกินไป ผิวมีการระคายเคือง อากาศร้อนเกินไป หรือ การคันที่เกิดจากโรคบางอย่าง เช่น ผิวหนังแห้งในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด โรคทางระบบประสาท

อย่างไรก็ตาม ในการรักษาอาการคันในเบื้องต้นนั้น ควรหาสาเหตุว่า คันจากสาเหตุอะไร เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุด กรณีที่คันมาก ๆ อาจใช้ยาทา หรือยารับประทานช่วยหลีกเลี่ยงการเกาแรง ๆ ที่ผิวหนัง เพราะจะทำให้ผิวมีบาดแผล ผิวอักเสบและติดเชื้อได้

อนึ่ง คำแนะนำในการดูแลตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงอาการคันนั้น ควรดูแลความสะอาดของผิวหนัง แต่ไม่ควรฟอกสบู่บ่อยเกินไป ดูแลไม่ให้ผิวหนังแห้งโดยหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด และทาครีมและน้ำมันทุกครั้งหลังอาบน้ำ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งระคายเคืองต่าง ๆ หากจำเป็นต้องใชควรใส่ถุงมือป้องกัน หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นละอองหรือมลพิษมาก และหากมีอาการคันเรื้อรัง คันจนทนไม่ได้ คันจนเกาไม่หยุด หรือคันจนนอนไม่หลับ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ

ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยคุณสมบัติของสารสกัดเปลือกมังคุดที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ยังยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้อาการคันผิวหนังลดน้อยลง และอ่อนโยนต่อทุกสุขภาพผิว เหมาะสำหรับผิวทุกประเภท ใช้เพียงครั้งเดียวก็สัมผัสได้ว่า “ผิวสะอาดเป็นสองเท่า”

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แมงโกส์ทีน บิวตี้ สกิน โซฟ 
นวพร เอี่ยมธีระกุล
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
http://www.yanincosmeticbangkok.com

เรื่องของสตรีมีคัน


เรื่องของสตรีมีคัน

คัน คัน คัน มีใครไม่เคยคันบ้างไหมค่ะ????
“คัน” เป็นความรู้สึกถึงความอยากเกาบนผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย หากเกามาก ๆ จะทำให้เกิดรอยถลอกบริเวณที่เกา อาจเกิดการติดเชื้อได้ อาการคันเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ถูกแมลงกัดต่อย การแพ้พืช แพ้อาหาร แพ้สารเคมี การเป็นลมพิษ ผิวแห้งเกินไป ผิวมีการระคายเคือง อากาศร้อนเกินไป หรือ การคันที่เกิดจากโรคบางอย่าง เช่น ผิวหนังแห้งในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด โรคทางระบบประสาท

อย่างไรก็ตาม ในการรักษาอาการคันในเบื้องต้นนั้น ควรหาสาเหตุว่า คันจากสาเหตุอะไร เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุด กรณีที่คันมาก ๆ อาจใช้ยาทา หรือยารับประทานช่วยหลีกเลี่ยงการเกาแรง ๆ ที่ผิวหนัง เพราะจะทำให้ผิวมีบาดแผล ผิวอักเสบและติดเชื้อได้

อนึ่ง คำแนะนำในการดูแลตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงอาการคันนั้น ควรดูแลความสะอาดของผิวหนัง แต่ไม่ควรฟอกสบู่บ่อยเกินไป ดูแลไม่ให้ผิวหนังแห้งโดยหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด และทาครีมและน้ำมันทุกครั้งหลังอาบน้ำ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งระคายเคืองต่าง ๆ หากจำเป็นต้องใชควรใส่ถุงมือป้องกัน หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นละอองหรือมลพิษมาก และหากมีอาการคันเรื้อรัง คันจนทนไม่ได้ คันจนเกาไม่หยุด หรือคันจนนอนไม่หลับ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แมงโกส์ทีน บิวตี้ สกิน โซฟ 
นวพร เอี่ยมธีระกุล
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
http://www.yanincosmeticbangkok.com