ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยเรานั้น การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะเด็ก ๆ
ไม่ควรปล่อยให้โดนแสงแดดโดยตรง เพราะมีข้อมูลว่า การได้รับแสงแดดมากเกินไปตั้งแต่เด็ก
ๆ อาจก่อให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนังได้ จึงควรเริ่มใช้ครีมกันแดดตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อย
ปฏิบัติให้เป็นประจำและสม่ำเสมอ สำหรับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด (ครีมกันแดด)
ต้องพิถีพิถันพอสมควร เนื่องจาก ขณะใช้จะต้องทาครีมกันแดดในปริมาณมาก ครีมกันแดดจะสัมผัสผิวกายในบริเวณกว้างเป็นเวลานาน
และบริเวณที่ทายังมีโอกาสโดนแสงแดดอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้มากกว่าเครื่องสำอางประเภทอื่น
ๆ ดังนั้น ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใดเป็นครั้งแรก ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้
ด้วยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยบริเวณใต้ท้องแขน ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง
หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น แสดงว่า ใช้ได้
Sun
Protection Factor (SPF) เป็นตัวบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด ทำให้รู้ว่า
เมื่อใช้เครื่องสำอางตัวนั้นแล้ว ผิวหนังของเราจะถูกแสงแดดได้นานแค่ไหน
ผิวถึงจะไม่ไหม้ ยกตัวอย่างเช่น โดยปกติคนเราโดนแสงแดดได้นาน 10 นาที ถึงจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน
หรืออาการผิวหนังไหม้ แต่เมื่อทาเครื่องสำอางที่ผสมสารป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF 15 บนผิวหนัง
ก็จะสามารถถูกแสงแดดได้นานถึง 15 เท่า ก็คือ 150 นาที โดยที่ผิวไม่ไหม้
ถึงแม้ว่า
ค่า SPF สูงแค่ไหนก็ไม่สามารถป้องกันรังสียูวีเอ
(UVA) ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยเหี่ยวย่นและมะเร็งผิวหนังได้
ดังนั้น นอกจาก จะต้องดูค่า SPF แล้ว จะต้องดูว่า ป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ได้ด้วย
จึงจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้มากขึ้น ซึ่งดูได้จากฉลากที่ระบุข้อความไว้
เช่น ป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ได้ หรือถ้าหากไม่ระบุข้อความดังกล่าวให้ดูที่ส่วนประกอบที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถดูดซับรังสียูวีเอ
(UVA) ได้ เช่น เอโวเบนโซน
ออกซิเบนโซน โซนเมนทิลแอนทรานิเลต เป็นต้น
หรือจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารที่สามารถสะท้อนรังสีได้ทั้งยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) เช่น ติตาเนียม ไดออกไซต์
และซิงก์ออกไซต์ ก็ได้
สำหรับการใช้
SPF ให้มีประสิทธิภาพนั้น
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น มีเหงื่อออก ระหว่างทำกิจกรรมกลางแจ้ง ว่ายน้ำ
หรือทำกิจกรรมใดก็แล้วแต่ที่ทำให้เครื่องสำอางถูกชะล้างออกจากผิวหนัง
ควรทาเครื่องสำอางซ้ำบ่อย ๆ ทุก 2 ชั่วโมง เพราะประสิทธิภาพของสภาพพื้นที่
ปริมาณแสงแดด ถ้าอยู่ในแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน ๆ เครื่องสำอางที่มีค่า SPF ยิ่งมากยิ่งทำให้ระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดนานขึ้นตามลำดับ
อนึ่ง
ปัญหาจากการใช้เครื่องสำอางกลุ่มนี้ คือ ผู้ใช้ใช้ไม่ถูกวิธี เช่น ใช้น้อยเกินไป
ในกรณีที่เหงื่อออกมาก หรือว่ายน้ำ ไม่มีการทาซ้ำ
จึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF สูงเกินความจำเป็น เช่น
อยู่ในสำนักงานทั้งวัน แต่ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ซึ่งมี SPF ยิ่งสูงยิ่งมีราคาแพงจึงไม่คุ้มค่ากับราคาของผลิตภัณฑ์ที่สูญเสียไป
อย่างไรก็ตาม
การใช้ครีมกันแดดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
เช่น หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่แสงแดดจ้า คือ ช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น.
หากจำเป็นก็ควรอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด หรืออยู่ในร่มเงา
เมื่ออยู่กลางแจ้งควรสวมหมวกปีกกว้าง สวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมิดชิด
รวมทั้งสวมแว่นกันแดด ด้วยเพราะขณะนี้ พบว่า รังสี UV เป็นสาเหตุหนึ่งของต้อกระจกได้
ครีมกันแดดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปริมาณแสงแดด
และสภาพผิวหนัง ดังนั้น ก่อนเลือกใช้ควรอ่านฉลากให้ละเอียด และทดสอบการแพ้ก่อนใช้
เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เหมาะสม และคุ้มค่าจากการใช้ผลิตภัณฑ์
สอบถามเพิ่มเติม
0816518088
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดญานินเพ่ิมเติม : ครีมกันแดด SPF60/PA+++
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดญานินเพ่ิมเติม : ครีมกันแดด SPF50/PA++
สอบถามเพิ่มเติม
0816518088
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น