“กลิ่นกาย”
นับเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนบุคลิกภาพของเราลงไปไม่น้อย ทว่า
หากกลิ่นที่ออกมาจากร่างกายเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว
คงสร้างความลำบากใจให้ทั้งคนที่อยู่รอบข้าง และเจ้าของกลิ่นได้ไม่น้อย
บางครั้งก็ทำให้หมดความมั่นใจไปเลยทีเดียว บางคนมีกลิ่นกายแรง
แม้จะใช้น้ำยาดับกลิ่นก็ยังช่วยไม่ได้ผลเท่าใดนัก
ก่อนอื่น เราควรจะรู้ถึงต้นตอของปัญหากันซะก่อน จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เรามาดูกันดีกว่าว่า “กลิ่นกาย” นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร
จริง
ๆ แล้วบางคนอาจไม่ได้มีกลิ่นตัวแรงเท่าไหร่ แต่ติดที่จะใช้น้ำยาระงับกลิ่น
เพื่อเพิ่มความหอมและความมั่นใจให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะรู้ว่า
คุณควรจะใช้น้ำยาระงับกลิ่นกายหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า
ให้คุณลองสังเกตขี้หูของตัวเองดู หากขี้หูแห้งมีลักษณะเป็นแผ่นสีขาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำยาระงับกลิ่นกายแต่อย่างใด เนื่องจาก คุณไม่ค่อยมีกลิ่นตัวเท่าไหร่ แต่ถ้าขี้หูของคุณเป็นสีคล้ำ แถมเหนียว และเปียกอีกต่างหาก คุณก็ควรจะหาวิธีลดกลิ่นตัว
โดย
สาเหตุของ “กลิ่นกาย” พบว่า เกิดได้จาก “ต่อมเหงื่อ” และ “ต่อมไขมัน”
ที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ต่อมไขมันบริเวณรักแร้ ขาหนีบ
จะขับเหงื่อและไขมันออกมาที่ผิวหนังด้านนอก
ทำให้เกิดกลิ่นกายธรรมชาติของแต่ละบุคคล ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ
เช่น คนผิวดำอาจจะมีกลิ่นกายแรงกว่าคนผิวขาว
นั่นก็เพราะว่าคนผิวดำมีต่อมกลิ่นขนาดใหญ่กว่านั่นเอง อาหารบางชนิด เช่น
เครื่องเทศและอาหารที่มีสารโคลีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่
พืชประเภทฝักถั่ว หัวหอม เต้าเจี้ยว ผักชี แกงกระหรี่ แฮม ปลาทูน่า ฯลฯ
รวมไปถึงอาหารที่มีรสจัดก็ล้วนแต่เป็นตัวบงการทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึง
ประสงค์ได้
โดยอีกสาเหตุหนึ่งของกลิ่นกายที่สำคัญ คือ “อารมณ์”
จากความเครียด ความโกธร หรืออาการตกใจ หลายคนอาจไม่รู้ว่า
อารมณ์นั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์ได้
ทำให้ต่อมเหงื่อขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ
คุณอาจจะเห็นบางคนเหงื่อเปียกชุ่มตามรักแร้ ขาหนีบ หรือมือ
ก่อนหรือในขณะทำภารกิจสำคัญอะไรบางอย่าง เช่น การเตรียมตัวพรีเซนต์งาน
การสัมภาษณ์งาน การเข้าสอบ เป็นต้น
นั่นเป็นเพราะเกิดความเครียดและมีความกดดัน
จึงทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมามาก
และยิ่งเหงื่อออกมามากเท่าไหร่ก็จะพลอยส่งกลิ่นรบกวนคนรอบข้างมากตามไปด้วย
และสำหรับวัยรุ่นนั้น วัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอย่างมาก “ฮอร์โมน”
จึงอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน
อย่าง
ไรก็ดี หากคุณดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้าอย่างสม่ำเสมอ
หมั่นดูแลเป็นพิเศษในบริเวณอับชื้น เช่น เท้า ข้อพับ แขน ขา รักแร้ ขาหนีบ
แหม!!! อ่านแล้วอาจรู้สึกว่า ทำไมเยอะจัง แต่ผลที่ได้มาจากการดูแลก็คุ้มค่าน่าลงทุนนะค่ะ ...
..แต่!! ยังค่ะ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น การใช้ยาระงับเหงื่อ หรือสารส้มทารักแร้ หรือการใช้สบู่ฆ่าเชื้อ สบู่ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ หรือมีกลิ่นแรง ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยการเลือกใช้สบู่ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยตรง
และเน้นฟอกบริเวณที่มีการหมักหมมของเหงื่อ
เพื่อขจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น
แต่ในกรณีที่อาบน้ำดีแล้วยังมีกลิ่นตัวอยู่
ก็ต้องแก้ไขโดยทำให้เหงื่อหรือไขมันออกน้อยลง ซึ่งหากคุณรู้ว่า
เป็นคนที่เหงื่อออกง่าย หรือออกมากอยู่แล้ว ก็ควรจะระวังอย่าให้เหงื่อออก
ให้เลือกอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทมาก ๆ
ไม่งั้นลมโชยมาทีคนรอบข้างอาจสลบ เพราะ กลิ่นเปรี้ยวของคุณก็ได้
อ้อ !!! บาง
คนเป็นโรคตับ โรคไต ก็อาจเป็นสาเหตุให้มีกลิ่นกายแปลก ๆ ได้ หากไม่แน่ใจว่า
กลิ่นกายนั้น มีสาเหตุจากสิ่งใดก็ควรต้องปรึกษาแพทย์ ก่อนที่ใคร ๆ
จะเดินหลีกไกลนะค่ะ
นวพร เอี่ยมธีระกุล
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
http://yanincosmeticbangkok.com
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
http://yanincosmeticbangkok.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น