วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

A living ancient City : NAN





A living ancient City


Nan is an ancient city that hides a rich lifestyle that’s
woven into the beauty of the mountains and forests which constantly generates
fresh air. The lifestyle of the locals and the diverse cultures on the different
tribes from the colors of Nan. The artwork, handicraft, and unique
Northern-Thai style of the houses including the architecture of the temples
reflecting the admirable culture of the Nan people, especially that which had
been preserved so well in the city.

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

ผิวคุณจัดอยู่ในประเภทใด

ผิวคุณจัดอยู่ในประเภทใด

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผิวพรรณทั่วร่างกายมีพื้นที่เฉลี่ย ๑.๖-๑.๘ ตร.ม. ผิวหน้าจัดเป็นผิวที่อ่อนบางกว่าบริเวณอื่น โดยที่ผิวบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าจะหนาที่สุด คือ หนาประมาณ ๒-๔ มิลลิเมตร และสำหรับส่วนผิวที่บอบบางที่สุด คือ ผิวบริเวณริมฝีปาก และผิวบริเวณรอบดวงตา ซึ่งหนาเพียง ๐.๒-๐.๖ มิลลิเมตร

ผิวหนังเป็นส่วนที่ปกคลุมห่อหุ้มอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของร่างกายไว้เป็นอย่างดี ผิวหนังเปรียบเสมือนหน้าต่างที่จะเผชิญอันตรายต่าง ๆ จากภายนอก เช่น ความร้อน ความเย็น แสงแดด มลภาวะ การทำร้ายด้วยอาวุธต่าง ๆ ผิวหนังเป็นส่วนที่จะได้รับอันตรายก่อนอวัยวะอื่นใด

ซึ่งผิวหนังนั้น เป็นแหล่งกำเนิดของขนและเส้นผมที่อยู่ชิดกับต่อมไขมัน สำหรับปริมาณขนมีมากน้อยแตกต่างกัน เช่น ใบหน้ามีขนน้อยที่สุด และจะเป็นขนอ่อน แต่รักแร้จะมีขนจำนวนมากและเป็นที่อยู่ของต่อมกลิ่นและต่อมเหงื่อต่าง ๆ

ดังนั้น โดยสรุปแล้วหน้าที่โดยทั่วไปของขน คือ ปกคลุมร่างกาย ป้องกันอันตราย รับความรู้สึก  ควบคุมอุณหภูมิของร่ายกายโดยปรับควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายให้มีความสมดุล เป็นแหล่งสร้างวิตามินดี สำหรับไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังก็ใช้เป็นพลังงานสำรองในภาวะที่ร่างกายเกิดการขาดแคลนพลังงาน

ผิวหนังสามารถแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ หนังกำพร้า (epidermis) อยู่ชั้นนอกสุด ชั้นนี้จะมีการผลัดเซลล์เก่าไปทุก 28 วัน หนังแท้ (dermis) ซึ่งอยู่ถัดเข้ามา เป็นที่อยู่ของเส้นใยคอลลาเจน

  • เส้นใยอีลาสติน เป็นตัวก่อให้เกิดความยืดหยุ่น เป็นที่อยู่ของหลดเลือด หลอดน้ำเหลือง เส้นประสาท รากผม ขน ต่อมไขมัน
  • ต่อมไขมัน ทำหน้าที่หลั่งไขมันเพื่อหล่อลื่น และปกคลุมผิวหนังให้ชุ่มชื้น
  • ต่อมเหงื่อ (eccrine gland) มีลักษณะเป็นท่อรูปเกลียวมาเปิดบริเวณชั้นหนังกำพร้า ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและขับน้ำที่เกินความจำเป็นออกจากร่างกาย การระบายของเหงื่อทำให้รู้สึกเย็นสบาย
  • ต่อมกลิ่น (apocrine gland) พบมากบริเวณอวัยวะเพศ รักแร้ รูทวาร จะมีกลิ่นลักษณะจำเพาะ บางครั้งอาจถูกเชื้อแบคทีเรียบนผิวผสมทำปฏิกิริยาทำให้เกิด “กลิ่นเต่า” นั่นเอง

สำหรับชั้นสุดท้าย คือ ชั้นรองรับผิวหนัง ประกอบด้วยเยื่อไขมัน (adipose tissue) ทำหน้าที่ป้องกันอวัยวะภายในจากการถูกกระทบกระแทก เป็นที่สะสมไขมันของร่างกาย

ดังนั้น จะเห็นว่า ผิวหนังมีความสำคัญมากต่อร่างกาย เพราะถ้าร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงได้รับอาหารครบทั้ง ๕ หมู่ นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ ๗-๘ ชั่วโมง มีสุขภาพจิตดี ไม่เครียด ดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์วันละ ๑.๕-๒ ลิตร/วัน จะมีการแสดงออกทางผิวหนังที่แข็งแรง สวยงาม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความงามได้ในแต่ละบุคคล และถ้าอยากจะดูแลผิวหนังอย่างถูกวิธีและถูกต้อง ต้องเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักประเภทขอผิวคุณก่อน จากนั้น ก็เลือกสรรหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะแก่สภาพผิว เพราะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับผิวพรรณแต่ละประเภท จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามที่คุณต้องการ

ลักษณะผิวแต่ละประเภท

  1. ผิวธรรมดา รูขุมขนขนาดกลางมักไม่ค่อยมีปัญหาใด ๆ หลังล้างหน้าอาจมีความรู้สึกตึงบริเวณผิวแก้มบ้าง สภาพผิวทั่วไปดี ถ้าต้องการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ควรใช้ประเภทที่มีเนื้อครีมไม่มันมากเกินไป
  2. ผิวมัน ลักษณะรูขุมขนใหญ่เห็นชัด มีโอกาเกิดสิวได้ง่าย หลังจากล้างหน้าเพียง 1 ชั่วโมง จะรู้สึกว่ามีน้ำมันเคลือบบาง ๆ ทั่วผิวหน้า สร้างความกังวลให้ต้องคอยซับอยู่เสมอ ทำให้รู้สึกว่าต้องล้างหน้าบ่อย ๆ
  3. ผิวผสม ลักษณะรูขุมขนค่อนข้างใหญ่ อาจมีสิวบริเวณ “ทีโซน” (T-zone) คือ ผิวช่วงหน้าผาก จมูก และคาง อาจใช้โลชั่นเช็ดหน้าเพื่อลดความมัน และใช้ครีมที่ให้การบำรุงผิวเป็นพิเศษบริเวณแก้ม
  4. ผิวแห้ง เป็นผิวที่มีรูขุมขนขนาดเล็ก แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย และมักรู้สึกแห้งตึง ระคายเคือง หลังล้างหน้าต้องบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน รวมทั้งหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจาก ผิวพวกนี้จะเป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย และเมื่อเกิดอาการแพ้ จะพบลักษณะเป็นผื่นแดง เป็นขุย ร่วมกับมีอาการคัน

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า สภาพผิวประเภทนี้ จะเกิดขึ้นจากชั้นไขมันปกป้องผิว ซึ่งได้ปกคลุมอยู่บนผิวชั้นหนังกำพร้ามีปริมาณน้อย โดยปกติชั้นไขมันจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว และปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ รวมไปถึงอุณหภูมิ ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด เมื่อชั้นไขมันทำหน้าที่จะทำให้ผิวเปราะบาง และก่อให้เกิดอาการแพ้ต่อสารชนิดต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ทำความสะอาดที่มีความเข้มข้นสูง ควรเปลี่ยนสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและควรปกป้องผิวที่บอบบางของคุณจากมลภาวะภายนอก

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีผิวประเภทไน สไตส์การใช้ชีวิตของคุณและมลภาวะต่าง ๆ รอบตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดปัญหาผิวมีริ้วรอยก่อนวัย และทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ดังนั้น คุณควรลองสังเกตดูว่ารอบ ๆ ตัวคุณมีสิ่งใดบ้าง ที่อาจเป็นปัจจัยในการทำลายผิว บางทีผลลัพธ์ที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ อาจหมายถึง สภาพผิวที่สวยน่ามองยิ่งขึ้นของคุณก็เป็นได้นะค่ะ

โดยสรุปแล้ว สามารถสรุปพื้นฐานสำคัญของผิวสวยดูอ่อนกว่าวัย ได้ดังนี้

  1. การทานอาหารประเภท ผัก ผลไม้ ให้มาก
  2. พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด
  3. อยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และมลภาวะเป็นพิษต่าง ๆ
  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ
  5. ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ ๑.๕ ลิตร - ๒ ลิตรต่อวันเป็นอย่างน้อย)
  6. พักผ่อนด้วยการนอนหลับให้สนิทอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนอนหลับให้ได้วันละ ๘ ชั่วโมง และนอนหลับให้สนิทเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อชีวิตและผิวพรรณของคุณ เชื่อว่า การนอนหลับสนิทจะสามารถทำให้ฮอร์โมนเกิดความสมดุล ซึ่งจะเป็นเคล็ดลับที่จะทำให้คุณมีผิวพรรณสดใสมีชีวิตชีวา และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานตลอดทั้งวัน


ที่มา : ศ.ดร.นพ.ธัมม์ทิวัตถ์ นรารัตน์วันชัย

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

ปัญหาการใช้สารจากธรรมชาติ

ปัญหาการใช้สารจากธรรมชาติ

ปัญหาการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีดังนี้


  1. สารสกัดจากธรรมชาติสลายตัวง่าย มีประสิทธิภาพในการใช้ระยะสั้น
  2. สารสกัดจากธรรมชาติมักมีสารสำคัญปนกันหลายชนิด โดยที่บางครั้งแยกสกัดสารเดี่ยวบริสุทธิ์ออกมาได้ บางครั้งแยกออกจากกันลำบาก หรือบางครั้งมีสารสำคัญที่ไม่ต้องการปนมา ซึ่งแยกออกลำบาก อาจทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์กันก็ได้ ต้องทำการวิจัยทางคลินิกก่อนนำมาใช้จริง ๆ
  3. สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดมีสารสำคัญที่ต้องการในปริมาณต่ำ ทำให้ไม่คุ้มในการแยกสกัดออก เพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก
  4. ปริมาณส่วนประกอบของสารสำคัญในสารสกัดจากธรรมชาติมักไม่คงที่แน่นอน เพราะได้จากธรรมชาติ ความเข้มข้นหรือปริมาณอาจแปรผันได้ เช่น จากแหล่งกำเนิดต่างกัน จากพันธุ์ต่างกัน จากอายุต่างกัน จากสภาพการเก็บ (อุณหภูมิ) ต่างกัน เป็นต้น ทำให้อาจเกิดปัญหาในการควบคุมปริมาณและคุณภาพให้คงที่
  5. สารสกัดจากธรรมชาติโดยเฉพาะที่มีส่วนประกอบเป็นโปรตีน อาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย
  6. สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดมีกลิ่นไม่พึงปรารถนา ซึ่งกลบได้ยาก ทำให้ความนิยมในการใช้ลดลง
ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผสมสารจากธรรมชาติมักมีราคาแพง

สอบถามผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสารสกัดจากธรรมชาติเพิ่มเติม 0816518088
Website : http://yanincosmetic.com
Website : http://yanin-cosmetic.com

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีง่าย ๆ ดูแลสุขภาพเท้าด้วยตัวเอง

วิธีง่าย ๆ ดูแลสุขภาพเท้าด้วยตัวเอง

คำแนะนำง่าย ๆ ในการดูแลสุขภาพเท้าของคุณหมอสุมนัส และได้ย้ำวาควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
  1. ล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ ประมาณ 10 นาที เวลาอาบน้ำทุก ๆ วัน ซึ่งจะทำให้ผิวหนังที่เท้านุ่ม แต่อย่าขัด ถู หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้ง
  2.  เช็ดเท้าให้แห้งสนิททุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าต้องให้แห้งจริงๆ
  3. สำหรับผู้มีกลิ่นเท้า หลังจากล้างเท้าสะอาดและเช็ดให้แห้งแล้ว ควรจะโรยแป้งทาตัวให้ทั่วเท้า และซอกนิ้วเท้า รวมถึงอย่าใส่รองเท้าคับเกินไป ควรเลือกรองเท้าที่ใส่สบาย และระบายอากาศได้ ถุงเท้าควรเป็นแบบผ้าฝ้าย เพราะจะระบายอากาศได้ดีกว่าถุงเท้าไนลอน
  4. ถ้าผิวแห้ง ควรทาครีมบำรุงผิวชนิดที่ไม่มีน้ำหอมฉุนเพื่อให้ความชุ่มชื้น โดยทาบาง ๆ ให้ทั่วทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า ห้ามทาครีมบำรุงผิวบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อราได้
  5.  ถ้าเล็บยาวต้องตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธี โดยตัดตรงตามแนวของเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บตรงตามแนวขอบเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บเซาะเข้าไปด้านข้างหรือจมูกเล็บ และไม่ควรตัดเล็บสั้นเกินไป
  6. ใส่รองเท้าให้เหมาะกับโรค ควรใส่รองเท้าที่เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ เช่น ผู้ป่วยเบาหวานควรใส่รองเท้าที่ทำจากวัสดุที่มีลักษณะนิ่ม และมีแผ่นรองรับแรงกระแทกที่ฝ่าเท้า ไม่ควรใส่รองเท้าแตะชนิดที่มีสายรัดง่ามนิ้วเท้า
  7. หมั่นตรวจเท้าด้วยตนเองเป็นประจำ สังเกตสีผิว กลิ่นเท้า อุณหภูมิของเท้า และอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดเท้า มีอาการชา บวม มีเม็ดพองหรือคัน เป็นต้น โดยตรวจให้ทั่วทั้งฝ่าเท้า ส้นเท้า ซอกนิ้วเท้า และเล็บเท้า หากพบความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์
  8. ออกกำลังกายเท้า เพื่อบริหารข้อเท้าและกล้ามเนื้อเท้าอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้า ท่าบริหารทำได้โดย

    •      กระดกข้อเท้าขึ้นและลงสลับกันช้า ๆ ทำ 5-10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง
    •      หมุนข้อเท้า โดยหมุนเข้าและหมุนออกช้า ๆ ทำอย่างละ 5-10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง
    •      ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู่บนพื้นสลับกับปล่อย เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ในเท้า
    •      นั่งบนเก้าอี้ โน้มตัวไปข้าหงน้าเหยียดเข่าตึง แล้วกระดกข้อเท้าขึ้น ใช้มือจับปลายเท้าค้างไว้ นับ 1-6 ถือเป็น 1 ครั้ง ทำจนครบ 10 ครั้ง สลับทำอีกข้างหนึ่ง

ทีนี้ไม่ว่าจะแดดแรงจ้าหรือฝนตกกระหน่ำเพียงใด เท้าคู่สวยของคุณก็พร้อมลุยอย่างมั่นใจแล้วค่ะ  

ภาพจากอินเตอร์เน็ต
Website : http://yanincosmetic.com  

                      

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

สิวบอกโรค

สิวบอกโรค

หลายคนอาจคิดว่า “สิว” นั้น เป็นอุปสรรคของความงาม ปัญหาของผิวหน้า หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้ว “สิว” ยังสามารถบ่งบอกการเสียสมดุลของอวัยวะภายในร่างกายอีกด้วย วันนี้ จึงขออธิบายถึงบริเวณที่เกิดสิวกับอาการผิดปกติของร่างกาย พร้อมกับข้อแนะนำที่จะสามารถนำไปปฏิบัติตัวได้เลย

  • สิวที่บริเวณหน้าผาก 

    • เกิดขึ้นจากปริมาณพิษในตับที่ค่อนข้างมาก ความเครียดสูง ม้ามพร่อง ไฟในหัวใจมีมากเกินไป บางครั้งท้องผูกบ่อย ๆ ก็ทำให้สิวขึ้นบริเวณนี้ได้เช่นกัน 
    • สำหรับข้อแนะนำ : ไม่ควรนอนดึก ดื่มน้ำมาก ๆ ให้ตับทำงานตามเวลา เพราะตับจะขับพิษในช่วงเวลากลางคืน หรือหาวิธีปลดปล่อยความเครียดของตัวเอง เช่น การออกกำลังกายเพื่อให้เหงื่อออก เป็นต้น

  • สิวรอบปาก 

    • สิวบริเวณรอบปากมาจากอาการท้องผูก ลำไส้ร่อนรวมถึงภาวะร้อนชื้นที่เกิดในร่างกาย ทานอาหารรสเผ็ดร้อนเกินไปหรือของทอดของมัน ก็อาจจะทำให้เกิดสิวบริเวณรอบปากได้เช่นกัน 
    • สำหรับข้อแนะนำ : คนที่มีสิวรอบปากเยอะควรที่จะทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยในการทาน สามารถนวดท้องวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย การขับถ่ายจะช่วยนำพาความร้อนออกจากร่างกายได้อีกทาง

  • สิวบริเวณแก้ม 

    • มีสาเหตุมาจากระบบการขับของเสียในเลือดกับการทำงานของตับ ยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร หรืออาจจะมาจากระบบปอดมีปัญหา โดยส่วนใหญ่แลวจะเกิดจากปอดร้อนซะมากกว่า ซึ่งอาจจะมีอาการผิวคันร่วมด้วย 
    • สำหรับข้อแนะนำ : ควรใช้น้ำเย็นล้างหน้า ทานอาหารหรือผลไม้ที่มีรสเย็น เช่น สาลี่ เพราะสาลี่จะช่วยลดความร้อนในปอด ทำให้ปอดชุ่มชื้น และยังแก้ไอได้อีกด้วย พยายามรักษาสมดุลของอารมณ์ตัวเอง มั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา

  • สิวที่ขึ้นบริเวณคาง 

    • โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเสียสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ระดับฮอร์โมนเพศหญิงที่ลดลง สำหรับคุณผู้หญิงการเป็นสิวที่คางบ่อย อาจจะมีโรคที่เกี่ยวกับรังไข่ได้เช่นกัน 
    • สำหรับข้อแนะนำ : พยายามลดการดื่มน้ำเย็น หันมาดื่มน้ำอุ่นแทน ลองรับประทานผลไม้จำพวกเชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เพราะผลไม้พวกนี้จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนให้คุณผู้หญิง หรือทานน้ำเต้าหู้ทุกวันก็ได้ เพราะน้ำเต้าหู้มีฮอร์โมนเพศหญิงอยู่จำนวนมาก ซึ่งทำให้หน้าขาวใส ไร้รอยสิว หากเป็นมานานอาจจะต้องหันมาทานยาปรับฮอร์โมน

  • สิวบริเวณจมูก 

    • อาจมีผลมาจากกระเพาะอาหารร้อนเกินไป หรือระบบย่อยอาหารไม่ดี โดยทั่วไปทำให้สิวที่เกิดบนจมูกส่วนใหญ่จะเป็นสิวเสี้ยนหรือสิวหัวช้าง 
    • สำหรับข้อแนะนำ : ควรเคี้ยวข้าวให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักกว่าปกติ ทำให้อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารและลำไส้จะเกิดความร้อนสูง ทำให้เกิดสิวได้ง่าย ควรรับประทานผักหรือผลไม้ที่มีรสเย็น เช่น มะระ แตงโม ฟักเขียว เป็นต้น เพื่อลดความร้อนในกระเพาะ ไม่เป็นบ่อเกิดของสิวได้

หากพบว่า ตัวเองเป็นสิวตามตำแหน่งที่ได้กล่าวมาแล้ว ลองเอาข้อแนะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะช่วยดูแลได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุของสิวตามหลักแพทย์จีน ทำให้เรารู้ว่า นิยามของ “ความงามจากภายใน” คืออะไร นั่นก็คือ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อารมณ์แจ่มใส และร่างกายที่สมดุล เพียงเท่านี้สิวก็ไม่อาจมาแผ้วพานได้แล้ว


ที่มา : คลินิคหัวเฉียวแพทย์จีน
ภาพจากอินเตอร์เน็ต